ผู้ถือหุ้นบมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) พร้อมใจโหวตรับมติจ่ายเงินปันผลงวดปี 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท เตรียมรับทรัพย์ วันที่ 26 พฤษภาคมนี้ ฟากซีอีโอ “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ”ฉายภาพธุรกิจของบริษัทฯ ปีนี้ยังสดใส ตามความต้องการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคครัวเรือน พร้อมตั้งเป้ายอดขายก๊าซ LPG ทั้งในและต่างประเทศ 800,000 ตัน ปักหมุดรายได้โตไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท ประกาศทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานที่อยู่ในกระแสอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ของโลก ช่วยผลักดันธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น โดยได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม นี้
"ที่ผ่านมาผู้บริหารได้มุ่งมั่นและทุ่มเทพัฒนาศักยภาพธุรกิจทุกภาคส่วนได้ตามแผนที่วางไว้ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้และกำไร โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ ปี ซึ่งเงินปันผลที่มอบให้กับผู้ถือหุ้นในรูปของเงินสดครั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่นในผู้บริหารและการเติบโตของธุรกิจ นับจากนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งขยายธุรกิจในทุกภาคส่วนให้ขยายตัว เพื่อผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” นางสาวชมกมลกล่าว
สำหรับทิศทางธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 2566 เชื่อว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 2565 ซึ่งการเติบโตหลักมาจากธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 800,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 775,000 ตัน และส่งออก จำนวน 25,000 ตัน ขณะที่รายได้รวมคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ยังรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปเซ็นสัญญาลูกค้าไปแล้ว 8 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ากำลังการผลิตรวมทั้งหมดอยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจพลังงานทดแทน หรือการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยตั้งงบลงทุนไว้กว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG 300 ล้านบาท การลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน 500 ล้านบาท และ 200 ล้านบาท เป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ใน Trend การเติบโตในอนาคต เพื่อขยายธุรกิจและสร้างผลตอบแทนเพื่อการเติบโตระยะยาว
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ WP เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น โดยได้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม นี้
"ที่ผ่านมาผู้บริหารได้มุ่งมั่นและทุ่มเทพัฒนาศักยภาพธุรกิจทุกภาคส่วนได้ตามแผนที่วางไว้ เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้และกำไร โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ ปี ซึ่งเงินปันผลที่มอบให้กับผู้ถือหุ้นในรูปของเงินสดครั้งนี้ เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่นในผู้บริหารและการเติบโตของธุรกิจ นับจากนี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งขยายธุรกิจในทุกภาคส่วนให้ขยายตัว เพื่อผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง” นางสาวชมกมลกล่าว
สำหรับทิศทางธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 2566 เชื่อว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 2565 ซึ่งการเติบโตหลักมาจากธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 800,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 775,000 ตัน และส่งออก จำนวน 25,000 ตัน ขณะที่รายได้รวมคาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท ส่วนธุรกิจติดตั้งระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ยังรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปเซ็นสัญญาลูกค้าไปแล้ว 8 เมกะวัตต์ โดยบริษัทฯ ยังคงเป้ากำลังการผลิตรวมทั้งหมดอยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าลงทุนไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจพลังงานทดแทน หรือการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยตั้งงบลงทุนไว้กว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนในธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว LPG 300 ล้านบาท การลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน 500 ล้านบาท และ 200 ล้านบาท เป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ใน Trend การเติบโตในอนาคต เพื่อขยายธุรกิจและสร้างผลตอบแทนเพื่อการเติบโตระยะยาว