Wealth Sharing

ผถห.EKH ไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นหุ้น-เงินสด อัตรา 40 หุ้นต่อ1 หุ้นปันผล พร้อมจ่ายเงินสด 0.32 บ./หุ้น ลุยธุรกิจสุขภาพ-ขยายศูนย์ไตเทียม–เพิ่มเตียง ดันผลงานปีนี้เติบโต10%


26 เมษายน 2566
ผู้ถือหุ้นบมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) กดปุ่มพร้อมเพรียงลงมติจ่ายปันผลเป็นหุ้นอัตราส่วน 40หุ้นสามัญต่อ1หุ้นปันผลพร้อมจ่ายในรูปเงินสดอีก 0.32 บาทต่อหุ้น รวมจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.3325 บาท  กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 19 พฤษภาคมนี้  ฟาก“นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร”ระบุเดินหน้าขยายการลงทุนด้านสุขภาพต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายศูนย์ไตเทียม-เพิ่มจำนวนเตียง และออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพภายใต้แบรนด์โรงพยาบาลเอกชัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม มั่นใจรายได้ปีนี้เติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 10% 

260423_Photo EKH AGM.jpg


นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) (EKH) ผู้ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนในจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี2566 มีมติอนุมัติให้จ่ายปันผลสำหรับงวดปี 2565ให้กับผู้ถือหุ้นเป็นหุ้นปันผล ในอัตรา 40 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล พร้อมทั้งเงินสดปันผล ในอัตราหุ้นละ 0.32 บาท  รวมจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.3325 บาทคิดเป็นจำนวนเงินในการจ่ายปันผลทั้งสิ้น 224.40 ล้านบาท โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566
 
“เราเชื่อมั่นว่าธุรกิจยังคงเติบโตจากปีก่อน  เนื่องจาก EKH มีเป้าหมายที่จะขยายส่วนงานด้านสุขภาพต่างๆ รวมถึงลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และสามารถรองรับการเข้าใช้บริการของประชาชนได้ทั่วถึง   จึงอยากให้ผู้ถือหุ้นเติบโตไปพร้อมๆกัน ซึ่งการที่บริษัทฯ จ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสดให้กับผู้ถือหุ้น เพื่อเป็นการขอบคุณผู้ถือหุ้นที่มั่นใจในผู้บริหาร  ธุรกิจ และผลประกอบการที่เติบโตอย่างมีศักยภาพ รวมทั้งขอให้เชื่อมั่นในทีมผู้บริหารว่าปีนี้จะสามารถผลักธุรกิจของ EKH ให้แข็งแกร่ง โดยตั้งเป้ารายได้รวมจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% ”นายแพทย์อำนาจ กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 2566 เชื่อว่าจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยปีนี้ได้มีการขยายศูนย์ไตเทียมเพิ่มอีก 14 เตียง รวมเป็น 24 เตียง และออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพภายใต้แบรนด์ของโรงพยาบาลเอกชัย เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้   ขณะที่โรงพยาบาลคูน ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีผลประกอบการที่ดี ส่วนศูนย์ผู้มีบุตรยาก (IVF) หลังจากที่เปิดประเทศ ทำให้ EKH ได้รับประโยชน์จากลูกค้าชาวจีน 
 
ขณะที่จำนวนผู้ป่วยนอก (OPD)  และผู้ป่วยใน (IPD)  ที่เข้ารับการรักษาตามศูนย์บริการทางการแพทย์ที่รักษาโรคเฉพาะทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ฉุกเฉิน,ศูนย์กุมารเวช,ศูนย์สูติ-นรีเวช ศูนย์ หู ตา คอ จมูก ศูนย์ทันตกรรม ศูนย์กายภาพบำบัด และศูนย์ไตเทียมยังเข้ารับบริการอย่างต่อเนื่อง  รวมถึงสามารถรับรู้รายได้จากการลงทุนในคลินิกเสริมความงาม บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน)  หรือ KLINIQ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าแผนการดำเนินธุรกิจ รวมถึงการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจะช่วยสนับสนุนให้การเติบโตของรายได้ และกำไรเติบโตมากยิ่งขึ้น