ธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้าปีนี้ขยายตัวต่อเนื่อง โดยได้รับอานิสงส์จากความต้องการใช้ไฟฟ้าและพลังงานที่มากขึ้น ทั้งจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และสภาพอากาศที่ร้อนจัด หนุนการเติบโต บมจ. พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น(PCC) ที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง
สถานการณ์การใช้ไฟฟ้าพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในประเทศ โดยบางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส และสะท้อนจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่รายงานสถิติปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ในปีนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 32,154.4 เมกะวัตต์ เมื่อเวลา 20.52 น.ของวันที่ 6 เม.ย.66 ด้วยอุณหภูมิ 31.2 องศาฯ
ขณะที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ประเมินพีคในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไม่ต่ำกว่า 34,000 เมกะวัตต์ หากรวมกับไฟฟ้าของเอกชนที่ผลิตเพื่อใช้เอง (ไอพีเอส) อีก 5,000 เมกะวัตต์ ความต้องการไฟฟ้าของประเทศในปีนี้อาจสูงถึง 39,000 เมกะวัตต์
ซึ่งการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สนับสนุนผลงานของ บมจ. พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น(PCC) ที่ประกอบธุรกิจโดยการเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า 2) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 3) ธุรกิจลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
และตั้งแต่ต้นปี 2566 บริษัทชนะการเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดย “กิตติ สัมฤทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PCC เปิดเผยว่า บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น ร้อยละ 99.98 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคางานจ้างก่อสร้างติดตั้ง Load Break Switch 115KV จำนวน 28 ชุด ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่าย ระยะที่ 2 แผนงานที่ 2 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ในนาม กิจการค้าร่วม "Consortium PSP & VARS" ประกอบด้วยบริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด และบริษัท วี เอ อาร์ เอส จำกัด กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 มูลค่าสัญญารวม 149,636,290 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดย มีกำหนดการส่งมอบโครงการภายใน 360 นับวันถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้เริ่มทำงาน และมีเงื่อนไขการชำระเงินตามความคืบหน้าของงานที่แล้วเสร็จ ซึ่งการได้รับงานใหม่ดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้รายได้ของบริษัทฯในปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างงานปรับปรุงระบบป้องกันและควบคุมในสถานีไฟฟ้าและจ้างเปลี่ยนตู้ Switchgear 22 kV ปี 2565 รายการที่ 2 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 มูลค่าสัญญารวม 191,069,900.00 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) มีกำหนดส่งมอบภายใน 400 วัน เงื่อนไขการชำระเงินแบ่งออกเป็น 3 งวดตามความคืบหน้าของงานที่แล้วเสร็จ
สำหรับแผนธุรกิจในช่วง 3 ปี (66-68) ตั้งเป้ารายได้แตะ 6,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเติบโตของระบบสมาร์ทกริด ทำให้มีการลงทุนเพิ่มโดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
และก่อนหน้านี้บริษัทฯได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการออกแบบและพัฒนาระบบสมาร์ทกริดและโซลูชั่นพลังงานแบบอัจฉริยะภายในประเทศ ระหว่างบริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด บริษัทในเครือ กับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อทำให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท หัวเว่ย ถือเป็นการผนึกความแข็งแกร่งของทั้งสองกลุ่มบริษัท โดยบริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด มีความชำนาญด้านธุรกิจที่ครอบคลุมระบบสมาร์ทกริดแบบครบวงจร อาทิ การออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่สถานีไฟฟ้า ไปจนถึงระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้า
ขณะที่ บริษัท หัวเว่ย ที่เป็นผู้นำระดับโลก มีความชำนาญทางด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของระบบสื่อสาร ดังนั้น ความร่วมมือดังกล่าวจะเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในการให้บริการด้านพลังงานไฟฟ้าให้อัจฉริยะมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย
สถานการณ์การใช้ไฟฟ้าพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในประเทศ โดยบางพื้นที่มีอุณหภูมิสูงถึง 40 องศาเซลเซียส และสะท้อนจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่รายงานสถิติปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ในปีนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดยมีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด 32,154.4 เมกะวัตต์ เมื่อเวลา 20.52 น.ของวันที่ 6 เม.ย.66 ด้วยอุณหภูมิ 31.2 องศาฯ
ขณะที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ประเมินพีคในปีนี้จะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไม่ต่ำกว่า 34,000 เมกะวัตต์ หากรวมกับไฟฟ้าของเอกชนที่ผลิตเพื่อใช้เอง (ไอพีเอส) อีก 5,000 เมกะวัตต์ ความต้องการไฟฟ้าของประเทศในปีนี้อาจสูงถึง 39,000 เมกะวัตต์
ซึ่งการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สนับสนุนผลงานของ บมจ. พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น(PCC) ที่ประกอบธุรกิจโดยการเข้าถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ ได้แก่ 1) ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า 2) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูงและสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 3) ธุรกิจลงทุนผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน
และตั้งแต่ต้นปี 2566 บริษัทชนะการเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง โดย “กิตติ สัมฤทธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PCC เปิดเผยว่า บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น ร้อยละ 99.98 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคางานจ้างก่อสร้างติดตั้ง Load Break Switch 115KV จำนวน 28 ชุด ตามโครงการพัฒนาระบบส่งและจำหน่าย ระยะที่ 2 แผนงานที่ 2 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ในนาม กิจการค้าร่วม "Consortium PSP & VARS" ประกอบด้วยบริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด และบริษัท วี เอ อาร์ เอส จำกัด กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2566 มูลค่าสัญญารวม 149,636,290 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดย มีกำหนดการส่งมอบโครงการภายใน 360 นับวันถัดจากวันที่ได้รับหนังสือแจ้งจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคให้เริ่มทำงาน และมีเงื่อนไขการชำระเงินตามความคืบหน้าของงานที่แล้วเสร็จ ซึ่งการได้รับงานใหม่ดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้รายได้ของบริษัทฯในปีนี้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคาจ้างงานปรับปรุงระบบป้องกันและควบคุมในสถานีไฟฟ้าและจ้างเปลี่ยนตู้ Switchgear 22 kV ปี 2565 รายการที่ 2 ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) กับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 มูลค่าสัญญารวม 191,069,900.00 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) มีกำหนดส่งมอบภายใน 400 วัน เงื่อนไขการชำระเงินแบ่งออกเป็น 3 งวดตามความคืบหน้าของงานที่แล้วเสร็จ
สำหรับแผนธุรกิจในช่วง 3 ปี (66-68) ตั้งเป้ารายได้แตะ 6,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากการเติบโตของระบบสมาร์ทกริด ทำให้มีการลงทุนเพิ่มโดยหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
และก่อนหน้านี้บริษัทฯได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ในการออกแบบและพัฒนาระบบสมาร์ทกริดและโซลูชั่นพลังงานแบบอัจฉริยะภายในประเทศ ระหว่างบริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด บริษัทในเครือ กับบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อทำให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคงและมีประสิทธิภาพสูงสุด
ความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท หัวเว่ย ถือเป็นการผนึกความแข็งแกร่งของทั้งสองกลุ่มบริษัท โดยบริษัท พรีไซซ ซิสเท็ม แอนด์ โปรเจ็ค จำกัด มีความชำนาญด้านธุรกิจที่ครอบคลุมระบบสมาร์ทกริดแบบครบวงจร อาทิ การออกแบบและก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบไฟฟ้าที่ครอบคลุมตั้งแต่สถานีไฟฟ้า ไปจนถึงระบบส่งและจำหน่ายไฟฟ้า
ขณะที่ บริษัท หัวเว่ย ที่เป็นผู้นำระดับโลก มีความชำนาญทางด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานของระบบสื่อสาร ดังนั้น ความร่วมมือดังกล่าวจะเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในการให้บริการด้านพลังงานไฟฟ้าให้อัจฉริยะมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแผนแม่บทการพัฒนาระบบโครงข่ายสมาร์ทกริดของประเทศไทย