ไปรษณีย์ไทย ตอกย้ำ “การตลาดเชิงคุณภาพ” เดินหน้าสร้างระบบนิเวศขนส่ง ด้วยการส่งมอบคุณค่าทุกปลายทาง “แม่นยำ เร็ว ปลอดภัย 100%”
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดการขนส่งในขณะนี้ถือว่ามีการเติบโตในระดับที่น่าพอใจ ทั้งจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่เป็นอานิสงส์การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และการเปิดกว้างของประเภทสินค้าที่ปัจจุบันสามารถส่งผ่านระบบขนส่งไปรษณีย์ไทยได้หลากหลายประเภท โดยภายใต้การเติบโตที่เกิดขึ้นยังคงนำมาซึ่งการแข่งขัน ในกลุ่มผู้ให้บริการซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่เป็นการสร้าง “ความไว้วางใจ” ให้กับผู้ใช้บริการ อีกทั้งยังมีการรักษาตลาดในเชิงคุณภาพ ซึ่งภายใต้ประเด็นดังกล่าวไปรษณีย์ไทยได้ให้ความสำคัญมาอย่างยาวนาน เพื่อสร้างความพึงพอใจและรักษาศักยภาพให้กับทุกธุรกิจ ตลอดจนระบบนิเวศการขนส่งที่ดีทั้งระบบ
“ที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยพบว่าผู้ใช้บริการยินดีจ่ายให้กับบริการที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ โดยเฉพาะในปี 2565 – 2566 ที่โปรโมชันเริ่มไม่ใช่ปัจจัยอันดับแรกหากต้องตัดสินใจใช้บริการขนส่ง แต่กลับเป็นการอำนวยความสะดวกได้ตรงกับความต้องการ ความคุ้มค่า รวมทั้งมีโซลูชันที่เข้าถึง Pain Point ของผู้ใช้บริการอย่างแท้จริง สอดคล้องกับในปีนี้ที่ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งเน้นการส่งมอบคุณภาพบริการอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าผลักดันบริการที่มีคุณภาพ 100 % เพื่อคนไทยด้วย 3 ปัจจัย ได้แก่
• ความแม่นยำ ตั้งแต่ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลที่ผู้ใช้บริการสามาถตรวจสอบสถานะรับฝาก และนำจ่ายได้แบบเรียลไทม์ บันทึกและรายงานผลทันทีเมื่อสิ่งของหรือพัสดุอยู่ในแต่ละขั้นตอน นอกจากนี้ ยังมีความแม่นยำในการนำจ่ายทุกพื้นที่ ด้วยความเชี่ยวชาญของบุรุษไปรษณีย์กว่า 20,000 คนทั่วประเทศ
• ความตรงต่อเวลา โดยเฉพาะบริการส่งด่วน EMS ซึ่งปัจจุบันนับเป็นบริการไฮไลต์ที่ทั้งผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปเลือกใช้บริการสูงสุด โดยบริการนี้ให้ความสำคัญกับการนำจ่ายที่รวดเร็วในทุกพื้นที่ เฉลี่ย 1- 2 วัน และนำจ่ายทุกวันไม่มีวันหยุด การันตีความรวดเร็วตามมาตรฐาน การส่งสิ่งของ
ในแต่ละประเภทและสามารถส่งของไซส์จัมโบ้ ของควบคุมอุณหภูมิ ต้นไม้ ผลผลิตทางการเกษตร ฯลฯ
• ความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการลดความเสียหาย หรือการสูญหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งของฝากส่งให้เป็นศูนย์ โดยมีระบบแคร์คอนโทรล (Care Control) ที่จะช่วยดูแลสิ่งของทุกประเภท ทุกขนาด และจำนวนให้คงสภาพดีตั้งแต่รับฝากจนถึงออกนำจ่ายทุกปลายทาง นอกจากนี้ ยังให้ความปลอดภัยกับเทรนด์การส่งสิ่งของในอนาคตด้วยการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่จะมาทั้งในรูปแบบของดิจิทัลโพสต์ไอดี รวมถึงบริการพร้อมโพสต์ที่การส่งเอกสารจะถูกแปลงเป็น e – Document สามารถรับรองเวลาและข้อมูลได้โดยไปรษณีย์ไทย
“สำหรับการส่งมอบคุณภาพทั้ง 3 ด้านให้กับผู้ใช้บริการนั้น ไปรษณีย์ไทยจะมุ่งเน้นให้เกิดขึ้นกับเครือข่ายที่มีอยู่กว่า 20,000 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมให้บริการที่ตอบโจทย์ ตรงใจคนไทยเสมอมา” ดร.ดนันท์ กล่าว
ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดการขนส่งในขณะนี้ถือว่ามีการเติบโตในระดับที่น่าพอใจ ทั้งจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวที่เป็นอานิสงส์การจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภค และการเปิดกว้างของประเภทสินค้าที่ปัจจุบันสามารถส่งผ่านระบบขนส่งไปรษณีย์ไทยได้หลากหลายประเภท โดยภายใต้การเติบโตที่เกิดขึ้นยังคงนำมาซึ่งการแข่งขัน ในกลุ่มผู้ให้บริการซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องราคา แต่เป็นการสร้าง “ความไว้วางใจ” ให้กับผู้ใช้บริการ อีกทั้งยังมีการรักษาตลาดในเชิงคุณภาพ ซึ่งภายใต้ประเด็นดังกล่าวไปรษณีย์ไทยได้ให้ความสำคัญมาอย่างยาวนาน เพื่อสร้างความพึงพอใจและรักษาศักยภาพให้กับทุกธุรกิจ ตลอดจนระบบนิเวศการขนส่งที่ดีทั้งระบบ
“ที่ผ่านมาไปรษณีย์ไทยพบว่าผู้ใช้บริการยินดีจ่ายให้กับบริการที่มีประสิทธิภาพและเชื่อถือได้ โดยเฉพาะในปี 2565 – 2566 ที่โปรโมชันเริ่มไม่ใช่ปัจจัยอันดับแรกหากต้องตัดสินใจใช้บริการขนส่ง แต่กลับเป็นการอำนวยความสะดวกได้ตรงกับความต้องการ ความคุ้มค่า รวมทั้งมีโซลูชันที่เข้าถึง Pain Point ของผู้ใช้บริการอย่างแท้จริง สอดคล้องกับในปีนี้ที่ไปรษณีย์ไทยยังคงมุ่งเน้นการส่งมอบคุณภาพบริการอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าผลักดันบริการที่มีคุณภาพ 100 % เพื่อคนไทยด้วย 3 ปัจจัย ได้แก่
• ความแม่นยำ ตั้งแต่ระบบเทคโนโลยีดิจิทัลที่ผู้ใช้บริการสามาถตรวจสอบสถานะรับฝาก และนำจ่ายได้แบบเรียลไทม์ บันทึกและรายงานผลทันทีเมื่อสิ่งของหรือพัสดุอยู่ในแต่ละขั้นตอน นอกจากนี้ ยังมีความแม่นยำในการนำจ่ายทุกพื้นที่ ด้วยความเชี่ยวชาญของบุรุษไปรษณีย์กว่า 20,000 คนทั่วประเทศ
• ความตรงต่อเวลา โดยเฉพาะบริการส่งด่วน EMS ซึ่งปัจจุบันนับเป็นบริการไฮไลต์ที่ทั้งผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปเลือกใช้บริการสูงสุด โดยบริการนี้ให้ความสำคัญกับการนำจ่ายที่รวดเร็วในทุกพื้นที่ เฉลี่ย 1- 2 วัน และนำจ่ายทุกวันไม่มีวันหยุด การันตีความรวดเร็วตามมาตรฐาน การส่งสิ่งของ
ในแต่ละประเภทและสามารถส่งของไซส์จัมโบ้ ของควบคุมอุณหภูมิ ต้นไม้ ผลผลิตทางการเกษตร ฯลฯ
• ความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นการลดความเสียหาย หรือการสูญหายที่เกิดขึ้นกับสิ่งของฝากส่งให้เป็นศูนย์ โดยมีระบบแคร์คอนโทรล (Care Control) ที่จะช่วยดูแลสิ่งของทุกประเภท ทุกขนาด และจำนวนให้คงสภาพดีตั้งแต่รับฝากจนถึงออกนำจ่ายทุกปลายทาง นอกจากนี้ ยังให้ความปลอดภัยกับเทรนด์การส่งสิ่งของในอนาคตด้วยการรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการที่จะมาทั้งในรูปแบบของดิจิทัลโพสต์ไอดี รวมถึงบริการพร้อมโพสต์ที่การส่งเอกสารจะถูกแปลงเป็น e – Document สามารถรับรองเวลาและข้อมูลได้โดยไปรษณีย์ไทย
“สำหรับการส่งมอบคุณภาพทั้ง 3 ด้านให้กับผู้ใช้บริการนั้น ไปรษณีย์ไทยจะมุ่งเน้นให้เกิดขึ้นกับเครือข่ายที่มีอยู่กว่า 20,000 แห่ง ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมให้บริการที่ตอบโจทย์ ตรงใจคนไทยเสมอมา” ดร.ดนันท์ กล่าว