Wealth Sharing
KBank ชี้ศก.สหรัฐฯ อาจชะลอหรือถดถอย แนะปรับพอร์ต ลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยง
27 เมษายน 2566
KBank Private Banking ชี้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวหรือถดถอย แนะปรับพอร์ตลดสัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยง ชูกองทุน ALL ROADS Series กองทุนอัจฉริยะขับเคลื่อนอัตโนมัติ สร้างผลตอบแทนมั่นคงและควบคุมการขาดทุนในทุกสภาวะตลาด
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า จากความกังวลของนักลงทุนว่าอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ นั้น การประเมินว่าภาวะถดถอยจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นทำได้ยาก เนื่องจากยังมีทั้งปัจจัยบวกและลบที่ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ เช่น แนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลง ทำให้ Fed มีแนวโน้มที่จะชะลอหรือยุติการขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ความกังวลต่อการปรับลดคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีอยู่ อีกทั้งการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงิน สร้างผลกระทบจนเกิดเป็นวิกฤตในภาคธนาคาร
ทำให้สินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น รวมไปถึงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ต่างพากันปรับตัวลง แม้จะมีการกระจายการลงทุนอย่างดีแล้วพอร์ตการลงทุนก็ยังคงได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ เพื่อให้การกระจายลงทุนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างผลตอบแทนหากตลาดกลับตัว ในทางกลับกันก็สามารถลดความเสียหายให้พอร์ตการลงทุนเมื่อความเสี่ยงในตลาดเพิ่มขึ้น
KBank Private Banking ยังคงแนะนำให้นักลงทุนแบ่งเงินลงทุน 50-70% ของพอร์ตลงทุนในสัดส่วนพอร์ตหลัก โดยเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภททั่วโลก ด้วยกลยุทธ์กระจายลงทุนโดยยึดความเสี่ยงของสินทรัพย์เป็นหลัก (Risk-Based Asset Allocation) ช่วยให้พอร์ตการลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนพร้อมทั้งจำกัดความเสียหายในทุกสภาวะตลาด
สำหรับลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงของธนาคารสามารถลงทุนผ่าน 3 กองทุนซึ่งแตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ภายใต้กองทุน ALLROADS Series* ไม่ว่าจะเป็น K-ALLRD-UI-A(A), K-ALLGR-UI-A(A) และ K-ALLEN-UI-A(A) โดยทั้ง 3 กองทุนมาพร้อมกลไกอัจฉริยะที่กำหนดสัดส่วนการลงทุนให้สมดุลโดยอัตโนมัติในสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน
นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า KBank Private Banking เชื่อว่าในภาวะที่มีทั้งปัจจัยบวกและลบต่อตลาดลงทุน การลงทุนโดยยึดหลักกระจายความเสี่ยง (Risk based asset allocation) ด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบ ALL ROADS คือคำตอบที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวผ่านช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจที่แตกต่างกันได้ โดยไม่อิงต่อสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ นอกจากนี้ความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Executive Chairman, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า จากความกังวลของนักลงทุนว่าอาจจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ นั้น การประเมินว่าภาวะถดถอยจะเกิดขึ้นหรือไม่นั้นทำได้ยาก เนื่องจากยังมีทั้งปัจจัยบวกและลบที่ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจ เช่น แนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลง ทำให้ Fed มีแนวโน้มที่จะชะลอหรือยุติการขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี ความกังวลต่อการปรับลดคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนยังมีอยู่ อีกทั้งการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงิน สร้างผลกระทบจนเกิดเป็นวิกฤตในภาคธนาคาร
ทำให้สินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น รวมไปถึงสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ต่างพากันปรับตัวลง แม้จะมีการกระจายการลงทุนอย่างดีแล้วพอร์ตการลงทุนก็ยังคงได้รับความเสียหาย ทั้งนี้ เพื่อให้การกระจายลงทุนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถสร้างผลตอบแทนหากตลาดกลับตัว ในทางกลับกันก็สามารถลดความเสียหายให้พอร์ตการลงทุนเมื่อความเสี่ยงในตลาดเพิ่มขึ้น
KBank Private Banking ยังคงแนะนำให้นักลงทุนแบ่งเงินลงทุน 50-70% ของพอร์ตลงทุนในสัดส่วนพอร์ตหลัก โดยเน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายประเภททั่วโลก ด้วยกลยุทธ์กระจายลงทุนโดยยึดความเสี่ยงของสินทรัพย์เป็นหลัก (Risk-Based Asset Allocation) ช่วยให้พอร์ตการลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนพร้อมทั้งจำกัดความเสียหายในทุกสภาวะตลาด
สำหรับลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงของธนาคารสามารถลงทุนผ่าน 3 กองทุนซึ่งแตกต่างกันตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ ภายใต้กองทุน ALLROADS Series* ไม่ว่าจะเป็น K-ALLRD-UI-A(A), K-ALLGR-UI-A(A) และ K-ALLEN-UI-A(A) โดยทั้ง 3 กองทุนมาพร้อมกลไกอัจฉริยะที่กำหนดสัดส่วนการลงทุนให้สมดุลโดยอัตโนมัติในสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน
นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า KBank Private Banking เชื่อว่าในภาวะที่มีทั้งปัจจัยบวกและลบต่อตลาดลงทุน การลงทุนโดยยึดหลักกระจายความเสี่ยง (Risk based asset allocation) ด้วยกลยุทธ์การลงทุนแบบ ALL ROADS คือคำตอบที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวผ่านช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจที่แตกต่างกันได้ โดยไม่อิงต่อสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งโดยเฉพาะ นอกจากนี้ความยืดหยุ่นในการปรับพอร์ตถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างผลตอบแทนระยะยาว