Wealth Sharing
ITC เผยกำไรQ1/66 ทรุด 54% ยอดขายลดลงจากขายสินค้าพรีเมี่ยมน้อย-ต้นทุนพุ่ง
27 เมษายน 2566
นายพิชิตชัย วงศ์ปิยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ITC กล่าวว่า บริษัทฯรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี ด้วยยอดขาย 3,586.8 ล้านบาท ลดลง 16.7 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับงบการเงินเสมือนที่สะท้อนเฉพาะธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเท่านั้นของช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า สาเหตุหลักเป็นผลมาจากการระบายสินค้าคงคลังของคู่ค้าในสหรัฐอเมริกาและยุโรป สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาสแรกอยู่ที่ 425.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกำไรสุทธิจากงบการเงินเสมือนของช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 ที่ระดับ 908.1 ล้านบาท เกิดจากยอดขายที่ลดลง สัดส่วนการขายสินค้าพรีเมียมน้อยลง และต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17.4 เปอร์เซ็นต์
“ในปีที่ผ่านมาภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความติดขัดด้านการขนส่งสินค้าทั่วโลก แต่สถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลง ทำให้บริษัทฯ มองว่าการระบายสินค้าคงคลังของลูกค้าในช่วงต้นปี 2566 เป็นปัจจัยระยะสั้นและมีสัญญาณที่ดีในไตรมาสถัดไป และคาดว่าการจัดการสินค้าคงคลังจะกลับมาสู่สภาวะปกติในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี
นอกจากนี้ เรายังได้วางกลยุทธ์ในการเติบโตของธุรกิจและมุ่งมั่นขยายธุรกิจกับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้ารายใหม่ เราได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ทั้งช่องทางอีคอมเมิร์ซ และประเภทสินค้าสั่งผลิตภายใต้แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส ที่มีแผนในการส่งมอบสินค้าในไตรมาสที่ 2 นี้ อีกทั้งสินค้าชนิดพรีเมียมได้เริ่มทยอยกลับมา และยังมีลูกค้ารายใหม่และรายใหญ่เพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย ผมมั่นใจว่าบริษัทจะทำผลงานได้ดีในช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งในแง่ของยอดขายและความสามารถในการทำกำไร”
ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น ยังได้เผยกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีการสั่งผลิตภายใต้แบรนด์ของซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ เปิดตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง เช่น ประเทศจีน ผ่านความร่วมมือกับหนานจิง เจียเป่ย เพ็ทแคร์ โปรดักส์ ที่ได้ลงนามในความร่วมมือเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีแผนนำส่งสินค้าล็อตแรกภายในไตรมาส 2 ของปี รวมถึงการขยายธุรกิจในส่วนของขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยง บริษัทยังได้มีแผนที่จะเปิดตัวศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารแมวหรือ i-Cattery ที่ตั้งอยู่ ณ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขต ศาลายา ในเดือนพฤษภาคมนี้อีกด้วย
“สำหรับการลงทุน บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการลงทุนขยายธุรกิจกว่า 2.1 พันล้านในปีนี้ และกำลังดำเนินการก่อสร้างโรงงานใหม่ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตอาหารเปียกและขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยงขึ้นอีก 18.7 เปอร์เซ็นต์ และในโรงงานใหม่นี้จะมีไลน์บรรจุหีบห่อแบบอัตโนมัติ คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้ บริษัทยังคงลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ได้แก่ คลังสินค้าอัตโนมัติในโรงงานที่จังหวัดสมุทรสาครและสงขลา เครื่องจักรสำหรับโรงงานต้นแบบ รวมถึงโครงการวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม” นายพิชิตชัยกล่าว
สำหรับไตรมาสแรกของปี 2566 ไอ-เทลมีสัดส่วนของยอดขายในภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ อยู่ที่ 50.3 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่เอเชียและโอเชียเนียอยู่ที่ 36.3 เปอร์เซ็นต์และยุโรปอยู่ที่ 13.4 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ตลาดที่มีการเติบโตสูงได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น จีนและไทย ในส่วนของยอดขายแบ่งตามประเภทของสินค้าหลัก 3 ประเภท ได้แก่ อาหารแมว 66.9 เปอร์เซ็นต์ อาหารสุนัข 16.6 เปอร์เซ็นต์ ขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยง 13.9 เปอร์เซ็นต์ และธุรกิจอื่น ๆ อีก 2.6 เปอร์เซ็นต์
“ในปีที่ผ่านมาภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความติดขัดด้านการขนส่งสินค้าทั่วโลก แต่สถานการณ์ดังกล่าวได้คลี่คลายลง ทำให้บริษัทฯ มองว่าการระบายสินค้าคงคลังของลูกค้าในช่วงต้นปี 2566 เป็นปัจจัยระยะสั้นและมีสัญญาณที่ดีในไตรมาสถัดไป และคาดว่าการจัดการสินค้าคงคลังจะกลับมาสู่สภาวะปกติในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี
นอกจากนี้ เรายังได้วางกลยุทธ์ในการเติบโตของธุรกิจและมุ่งมั่นขยายธุรกิจกับลูกค้าปัจจุบันและลูกค้ารายใหม่ เราได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหญ่ของบริษัท ทั้งช่องทางอีคอมเมิร์ซ และประเภทสินค้าสั่งผลิตภายใต้แบรนด์ซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำในสหรัฐอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศส ที่มีแผนในการส่งมอบสินค้าในไตรมาสที่ 2 นี้ อีกทั้งสินค้าชนิดพรีเมียมได้เริ่มทยอยกลับมา และยังมีลูกค้ารายใหม่และรายใหญ่เพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย ผมมั่นใจว่าบริษัทจะทำผลงานได้ดีในช่วงครึ่งหลังของปี ทั้งในแง่ของยอดขายและความสามารถในการทำกำไร”
ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น ยังได้เผยกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจไปยังตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกาและยุโรปที่มีการสั่งผลิตภายใต้แบรนด์ของซูเปอร์มาร์เก็ตและไฮเปอร์มาร์เก็ตต่าง ๆ เปิดตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง เช่น ประเทศจีน ผ่านความร่วมมือกับหนานจิง เจียเป่ย เพ็ทแคร์ โปรดักส์ ที่ได้ลงนามในความร่วมมือเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยมีแผนนำส่งสินค้าล็อตแรกภายในไตรมาส 2 ของปี รวมถึงการขยายธุรกิจในส่วนของขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยง บริษัทยังได้มีแผนที่จะเปิดตัวศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารแมวหรือ i-Cattery ที่ตั้งอยู่ ณ มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขต ศาลายา ในเดือนพฤษภาคมนี้อีกด้วย
“สำหรับการลงทุน บริษัทยังคงเดินหน้าแผนการลงทุนขยายธุรกิจกว่า 2.1 พันล้านในปีนี้ และกำลังดำเนินการก่อสร้างโรงงานใหม่ในจังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตอาหารเปียกและขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยงขึ้นอีก 18.7 เปอร์เซ็นต์ และในโรงงานใหม่นี้จะมีไลน์บรรจุหีบห่อแบบอัตโนมัติ คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ภายในปีนี้ บริษัทยังคงลงทุนในโครงการต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจ ได้แก่ คลังสินค้าอัตโนมัติในโรงงานที่จังหวัดสมุทรสาครและสงขลา เครื่องจักรสำหรับโรงงานต้นแบบ รวมถึงโครงการวิจัยและพัฒนาและนวัตกรรม” นายพิชิตชัยกล่าว
สำหรับไตรมาสแรกของปี 2566 ไอ-เทลมีสัดส่วนของยอดขายในภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ อยู่ที่ 50.3 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด ในขณะที่เอเชียและโอเชียเนียอยู่ที่ 36.3 เปอร์เซ็นต์และยุโรปอยู่ที่ 13.4 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ตลาดที่มีการเติบโตสูงได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น จีนและไทย ในส่วนของยอดขายแบ่งตามประเภทของสินค้าหลัก 3 ประเภท ได้แก่ อาหารแมว 66.9 เปอร์เซ็นต์ อาหารสุนัข 16.6 เปอร์เซ็นต์ ขนมทานเล่นของสัตว์เลี้ยง 13.9 เปอร์เซ็นต์ และธุรกิจอื่น ๆ อีก 2.6 เปอร์เซ็นต์