Smart Investment

NUSA-PSH เปิดเกมรุก Synergy รับเหมา


27 มกราคม 2566
Mr.data

การประกาศบิ๊กดีลของ 2 ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น อย่าง บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) (NUSA) เข้าลงทุนในบริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) (DEMCO) ในสัดส่วน 23.2766% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ เพื่อแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน

2 ยักษ์อสังหา nusa-psh 260123.jpg

และบริษัท บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSH) เข้าลงทุนผ่านการสว็อปหุ้นกับ บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GEL) โดย  PSH  เข้าไปถือหุ้น GEL ในสัดส่วน 18.26% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ เพื่อแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจพรีคาสท์ โดยคาดหวัง ทะยานสู่ผู้ผลิตพรีคาสท์ใหญ่สุดในไทย

ถือเป็นการ Synergy ครั้งใหญ่ของผู้ประกอบการอสังหาฯในการจับมือกับยักษ์รับเหมา เพื่อขยายแหล่งที่มาของรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด รับมือความผันผวนเศรษฐกิจ เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ 
“วัตถุประสงค์การลงทุนครั้งนี้ เพื่อขยายธุรกิจไปในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทดแทน และเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตให้สอดคล้องกับแนวโน้มสถานการณ์โลกในปัจจุบัน”นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NUSA ให้ความเห็น 

ทั้งนี้ การเข้าลงทุนใน DEMCO ซึ่งดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานและพลังงานทดแทน และการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีธุรกิจที่เกี่ยวกับด้านวิศวกรรมไฟฟ้าครบวงจร มีโรงงานผลิตเหล็กชุบสังกะสีที่ขึ้น VENDER LIST กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ. ) ดำเนินธุรกิจจากทั้งโครงการภาครัฐและเอกชน เป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในวงเงิน 1,000 ล้านบาท

โดยฝ่ายบริหารได้คัดเลือก DEMCO เป็นเป้าหมายในการลงทุน ซึ่ง NUSA ก็ได้ทำบิ๊กล็อต เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2565 ซื้อหุ้น DEMCO จำนวน 170,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 5 บาท คิดเป็นเงิน 850 ล้านบาท ส่งผลให้ NUSA เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 ในสัดส่วนมากกว่า 23%

ขณะที่ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง (PSH) และบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GEL)  จับมือผ่านการสวอปหุ้น 51% ในอินโน พรีคาสท์ เพื่อเข้าถือหุ้น 18.26% ใน GEL มูลค่าประมาณ 582 ล้านบาท ส่ง GEL ทะยานสู่ผู้ผลิตพรีคาสท์ใหญ่สุดในไทย ดันรายได้โตขึ้นเกือบเท่าตัว

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (PSH)  เปิดเผยว่า หลังจากพฤกษา โฮลดิ้ง ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ โดยแยกหน่วยธุรกิจพรีคาสท์ออกมา จัดตั้ง "บริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด" เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายพรีคาสท์ มีโรงงานพรีคาสท์สีเขียว (Green Factory) แห่งแรกของไทย ที่ใช้แนวคิด "ขยะเหลือศูนย์" (Zero Waste) และนำเข้าเทคโนโลยีสีเขียว "คาร์บอนเคียว" (Carbon Cure) เข้ามาใช้เป็นรายแรกในกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพื่อผลิตแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ (Low Carbon Precast) นั้น 

ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง มีมติอนุมัตินำหุ้นสามัญของบริษัทอินโน พรีคาสท์ ในสัดส่วน 51% ไปใช้ชำระมูลค่าหุ้น ให้แก่ บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL โดย GEL จะออกหุ้นใหม่และจัดสรรให้แก่พฤกษา โฮลดิ้ง ในราคา 0.37 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นราคาสูงกว่าราคาตลาดเฉลี่ยย้อนหลัง 15 วันทำการ ร้อยละ 37 (รวมมูลค่าประมาณ 582 ล้านบาท) โดยคาดว่าจะสามารถทำรายการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2566 

“การสวอปหุ้นในครั้งนี้ นับเป็นข้อตกลงที่ได้รับประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองบริษัท (Win-Win) เนื่องจากพฤกษา โฮลดิ้ง เล็งเห็นศักยภาพของ GEL ในฐานะผู้นำด้านการผลิต และจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ที่มีชื่อเสียง มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นวัสดุหลักในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลากหลาย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ผลิตภัณฑ์พรีคาสท์ เสาเข็มเจาะ เสาเข็มดินซีเมนต์ ชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานสาธารณูปโภค ฯลฯ” 

อีกทั้ง GEL ยังมีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พรีคาสท์แก่ลูกค้าภาคอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างมาอย่างยาวนาน หลังจากการแลกหุ้นในอินโนพรีคาสท์ซึ่งประกอบธุรกิจพรีคาสท์ส่งมอบให้แก่พฤกษาแล้ว จะทำให้ GEL มีโอกาสในการเติบโตเพิ่มขึ้น ด้วยการขยายอัตรากำลังการผลิตพรีคาสท์ที่สูงขึ้น สามารถลดต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วย (Economy of Scale) จากคำสั่งซื้อจากพฤกษามากกว่า 2 พันล้านบาทต่อปี และลูกค้ารายอื่น Backlog อีกกว่า 500 ล้านบาท ในอนาคต เพิ่มความสามารถในการสร้างยอดขายได้สูงขึ้นกว่าเดิมจากที่ตั้งเป้าไว้ 1 พันล้านบาท เพิ่มโอกาสการรับรู้รายได้สูงขึ้น 

ขณะที่พฤกษาเองจะมีต้นทุนการซื้อวัสดุในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ลดลง และมีการรับรู้รายได้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้นจากการลงทุนผ่าน GEL พร้อมกันไปด้วย

ปัจจุบันลูกค้าของ GEL มีการขยายและเติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดออร์เดอร์พรีคาสท์ของ GEL มีมากกว่ากำลังการผลิต ดังนั้นหลังจากทำการสวอปหุ้นแล้วเสร็จ เมื่อรวมกำลังการผลิตจากโรงงานพรีคาสท์ของพฤกษาแล้ว จะทำให้ GEL กลายเป็นผู้ผลิตพรีคาสท์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีกำลังการผลิตสูงสุด  เพิ่มขึ้นจาก 0.8 ล้านตร.ม./ปี เป็น  5.2  ล้านตร.ม./ปี พฤกษาจึงมั่นใจว่าการถือหุ้น GEL จะเพิ่มรายได้ต่อเนื่องให้บริษัทฯ  เนื่องจากศักยภาพของ GEL ที่มีประสบการณ์สูงในการดำเนินธุรกิจด้านวัสดุก่อสร้าง มีความเชี่ยวชาญด้านการตลาด ซึ่งจะช่วยขยายฐานไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ และจะทำให้อัตราการใช้ประโยชน์ (Utilization Rate) ของอินโนพรีคาสท์ในปัจจุบันที่ยังเหลืออยู่ได้ใช้ประโยชน์ได้สูงสุด

"นอกจากนี้ GEL ยังมีผลิตภัณฑ์คอนกรีตหลากหลายรายการเช่น ผลิตภัณฑ์เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ชิ้นส่วนคานสำเร็จรูปสำหรับอาคารและงานสาธารณูปโภค ผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และยังมีบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจผลิต ลวดเหล็กกล้าแรงดึงสูง (PC Wire, PC Strand และ Cold Drawn) และเสาสปัน (spun pile) ซึ่งจะช่วยทำให้อินโนพรีคาสท์เติบโตจากการใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มที่ รวมถึงประโยชน์จากความร่วมมือทางธุรกิจจะส่งผลให้พฤกษา มีโอกาสในการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง (Recurring Income) เพิ่มขึ้น จากการถือหุ้นร้อยละ 18.26 ใน GEL และ ร้อยละ 49 ในอินโนพรีคาสท์ นอกจากนั้น คาดว่ากำไรสุทธิของ พฤกษา โฮลดิ้ง ในปี 2566 จะเติบโตจากการรับรู้กำไรทางบัญชี (Accounting Gain) ประมาณ 700 ล้านบาท (คำนวณจากราคาหุ้น GEL ที่ราคา 0.37 บาทต่อหุ้น) จากการเข้าทำรายการขึ้นอยู่กับการตรวจสอบรายการและผู้ตรวจสอบบัญชีอีกด้วย" นายอุเทนกล่าว

ภาพของการปรับโมเดลธุรกิจจากผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ ของ NUSA และ PSH สู่ผู้ประกอบการรับเหมาและ EPC ถือเป็นการ Synergy ครั้งใหญ่ที่ทำให้ทั้ง DEMCO และ GEL ได้มาซึ่งจำนวน Backlog ในมือที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ NUSA และ PSH เพิ่มแหล่งที่มาของรายได้จากธุรกิจรับเหมา ทำให้ Win-Win ทั้งสองฝ่าย อนาคต! ส่วน รายได้-กำไร จะโตทะยานแค่ไหน จับตาผลการดำเนินงานปี 66 กันไว้ให้ดี