จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : TACC ตั้งเป้าปี 66 เดินหน้าธุรกิจ “B2B - B2C - Next S Curve”


03 พฤษภาคม 2566
บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) เดินหน้าขยายตลาดเครื่องดื่ม  และรุกธุรกิจ Health and Wellness ต่อยอดธุรกิจ  หนุนรายได้ปี 66 โตต่อเนื่องแตะ 10%  
รายงานพิเศษ พTACC ตั้งเป้าปี 66 เดินหน้าธุรกิจ .jpg
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) กล่าวว่า แผนการดำเนินงานในปี 2566 จะเป็นปีแห่งการลงทุนสู่ทศวรรษใหม่ (Invest for the next decade)โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต10%เทียบกับปีที่ผ่านมา  มาจากกลุ่มธุรกิจ B2B (7-Eleven) บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า Core MenuและNew Menu รวมทั้งออกสินค้าใหม่ร่วมกันในฐานะ Key Strategic Partnerไม่ว่าเป็นเครื่องดื่มเย็นในโถกด (Jet Spray)และ เครื่องดื่ม Non Coffee Menu ในAll Caf?ทั้งในประเทศไทย และ7-Elevenในประเทศกัมพูชา

ส่วนกลุ่มธุรกิจ B2C (Non 7-Eleven)บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยาย Brand TRIVA (ทรีว่า) ไซรัปผลไม้เข้มข้นจากธรรมชาติ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการ และสร้างความแตกต่างให้กับผู้ประกอบการ ร้านค้า คาเฟ่ (Total solution service offering)และสำหรับลูกค้าทั่วไป โดยเป็นสินค้าที่ต่อยอดการเจริญเติบโตของTACCในกลุ่มB2C

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังโตตามการขยายสาขาของLotussทั้งในส่วนของLotuss HyperและLotuss go freshและการร่วมมือกับBON Caf?ในการพัฒนาเครื่องดื่ม เพื่อขยายฐานลูกค้าในกลุ่มต่างๆ และรุกเข้าตลาดเมล็ดกาแฟ

และที่ผ่านมาบริษัทฯ พยายามหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ เพื่อสร้าง Next S Curve ในการเติบโตที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนในช่วง 5-10 ปีข้างหน้า นอกเหนือจากธุรกิจเครื่องดื่มที่เป็นจุดแข็งของ TACCโดยล่าสุดได้เข้าลงทุนจำนวน40 ล้านบาท ในธุรกิจ Health and Wellness ผ่านการเข้าซื้อการดำเนินการของ บริษัท บลัช บิวตี้ (ไทย) จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Bloss Natura ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ความงาม และอาหารเสริมชั้นนำที่ผลิตจากประเทศเกาหลี ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ถือเป็นการปูทางให้บริษัทก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจ Health and Wellness ครบวงจร และสามารถนำมาต่อยอดธุรกิจของTACCได้

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงามและอาหารเสริมแบรนด์Bloss Naturaที่วางจำหน่ายในตลาด ปัจจุบันประกอบด้วย Body & Skin Supplement (Jeli)และSkincareโดยมีดาราชั้นนำของเมืองไทยอย่าง คิมเบอร์ลี่ เป็นพรีเซนเตอร์ สินค้า ครีมกันแดด โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปี2567อยู่ที่ 100 ล้านบาท
    
ประธานกรรมการบริหารTACCกล่าวอีกว่า บริษัทฯ ได้เตรียมขยายช่องทาง Onlineเพื่อขยายProduct Portfolioโดยตั้งเป้าหมาย 5-10% ทั้งในส่วนของการขายในประเทศ และต่างประเทศ ซึ่งเป็นการเพิ่มยอดขายจากลูกค้ารายเดิม การเสนอสินค้าใหม่ๆ และพัฒนาสินค้าร่วมกัน เพื่อผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

ขณะที่ บล.กรุงศรี  วิเคราะห์หุ้น  TACC  โดย ระบุว่า ธุรกิจ B2B ของบริษัท TACC  ขยายตัวดีขึ้นทั้งจาก 7-Eleven  ตามจำนวนสาขาในประเทศ (+700 สาขาต่อปี) และต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น (สาขา ณ เดือนมี.ค. กัมพูชา – 48 สาขา) ซึ่งรายได้ส่วนนี้ยังเป็นสัดส่วนสำคัญของการเติบโตของ TACC – 93% ของรายได้รวม 

ส่วนธุรกิจ B2C น่าจะเห็นการเติบโตมากขึ้นสำหรับธุรกิจคาเฟ่จากร้านกาแฟ Jungle ใน Lotus’s go fresh, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, Arabitia, Black canyon ขณะที่ธุรกิจ license ตัวละครฟื้นตัวได้ต่อเนื่องตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว โดยทาง TACC  ยังคงเป็นพันธมิตรกับ Line creators TH, หมาจ๋า, Rilakkuma SAN-X เน้นตลาดต่างประเทศ – สิงค์โปร์ มาเลเซีย และ CLMV เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเริ่มขยายตลาดไปสู่ประเทศญี่ปุ่นมากขึ้นสำหรับตัวละครหมาจ๋า สำหรับใน 2Q23 น่าจะได้เห็นสินค้าในกลุ่ม Line creators  รวมถึงความคืบหน้าจากการเข้าสุ่ธุรกิจ Health & wellness 

คาดอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 32%  โดยต้นทุนสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น 4Q22 ลดลงเหลือ 31% จาก 35% ใน 3Q22 โดยทาง TACC ได้มีการเริ่มเจรจาด้านการปรับราคา  ซึ่งน่าจะทำให้กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น รวมถึงแนวโน้มราคาวัตถุดิบค่อยๆ ปรับลง ซึ่งน่าจะเห็น GP ปรับดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปี  เนื่องจากต้นทุนในช่วงครึ่งปีแรกยังใกล้เคียงกับช่วงปลายปี 2022 ซึ่งยังจะทำให้ต้นทุนในช่วง 1H23 ยังคงสูง

บล.กรุงศรีระบุด้วยว่า  หากมองต่อไปข้างหน้า การมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง CPALL จะเป็นตัวช่วยให้ TACC เติบโตได้ต่อเนื่องโดยเฉพาะการขยายสาขาทั้งในและต่างประเทศ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus อยู่ที่ Bt8.8 ต่อหุ้น (BUY / HOLD / SELL: 5 / 0 / 0)