สัญญาณเศรษฐกิจฟื้นตัว การท่องเที่ยวกลับมาเติบโตกระตุ้นการใช้พลังงานขยายตัวมากขึ้น หนุนผลงานรายได้และกำไร บริษัท พริมา มารีน (PRM) กลับมาโดดเด่น
![รายงานพิเศษ PRM ผลงานปี 66 เติบโต.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/May/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%20PRM%20%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%2066%20%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%95.jpg)
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ดาโอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น บริษัท พริมา มารีน (PRM) โดยระบุว่า แนวโน้มทุกธุรกิจยังสดใส มีโอกาส upside จากการปรับค่าเช่าเรือ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 10.00 บาท อิง 2023E core PER ที่ 13.5 เท่า (-0.75SD below 5-yr average PER) เราประเมินกำไรปกติ 1Q23E จะยังทำได้ดีที่ 475 ล้านบาท (+78% YoY, -18% QoQ) โดยเติบโต YoY โดดเด่นจากทุกธุรกิจที่ดีขึ้น
โดยเฉพาะจาก
1) เรือ domestic trading ที่ได้ผลบวกจากการเดินทางในประเทศและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น
2) เรือ international trading จากการรับรู้รายได้เรือ VLCC ครบ 3 ลำ
3) เรือ FSU มีค่าเช่าเรือและ u-rate สูงขึ้น
4) ธุรกิจ offshore ที่ได้ผลบวกจากเรือ crew boat ที่มี u-rate เต็ม 100% ขณะที่กำไรจะลดลง QoQ จากฐานกำไรที่สูงใน 4Q22 ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่และมีเรือขนาดใหญ่เข้า dry dock 2 ลำ ได้แก่ เรือ FSU และ AWB
บริษัทยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2023E ที่1.9 พันล้านบาท +20% YoY โดยกำไร 1Q23E จะคิดเป็น 25% จากทั้งปี ส่วนแนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปีจะยังคงดีต่อเนื่อง จาก
1) เรือ international trading จะดีขึ้นมาก จากการรับรู้รายได้เรือ VLCC เต็มปีครบทั้ง 3 ลำ
2) เรือ domestic trading จากตามความต้องการขนส่งน้ำมันและเคมีภัณฑ์ที่สูงขึ้น รวมถึงจะมีการรับเรือใหม่ใน 2Q23E
3) เรือ FSU จาก u-rate ที่ดีขึ้น และแนวโน้มค่าเช่าเรือมีโอกาสดีกว่าที่ทำไว้
4) ธุรกิจ offshore ในส่วนของเรือ AWB จะมีโอกาสปรับขึ้นค่าเช่าเรือรอบใหม่ใน 2Q23E
ราคาหุ้น outperform SET +8% ใน 6 เดือน จากกำไรปกติ 3Q-4Q22 ที่เติบโตโดดเด่น แต่กลับมา underperform SET -4%/-6% ในช่วง 1 และ 3 เดือน ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” จากกำไรปกติ 1Q23E และปี2023E ที่จะยังคงสดใส รวมถึงมีโอกาส upside จากแผนซื้อเรือใหม่ และความต้องการใช้เรือที่ยังคงสูง ทำให้ค่าเช่าเรือมีโอกาสดีกว่าที่เราทำไว้ได้อีก
ด้าน valuation ยังน่าสนใจคิดเป็น 2023E core PER ที่ 8.8 เท่า (-1.25SD) (กำไรปกติปี 2023E จะดีกว่าปี 2020 ที่มีกำไร 1.6 พันล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นในปี 2020 เฉลี่ยอยู่ที่ 8.50-9.50 บาท)
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ “วิริทธิ์พล จุไรสินธุ์” ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากสัญญาณภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นและการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น เป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการดำเนินงานของ PRM ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
![รายงานพิเศษ PRM ผลงานปี 66 เติบโต.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/May/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%20PRM%20%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B5%2066%20%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B9%82%E0%B8%95.jpg)
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ดาโอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น บริษัท พริมา มารีน (PRM) โดยระบุว่า แนวโน้มทุกธุรกิจยังสดใส มีโอกาส upside จากการปรับค่าเช่าเรือ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 10.00 บาท อิง 2023E core PER ที่ 13.5 เท่า (-0.75SD below 5-yr average PER) เราประเมินกำไรปกติ 1Q23E จะยังทำได้ดีที่ 475 ล้านบาท (+78% YoY, -18% QoQ) โดยเติบโต YoY โดดเด่นจากทุกธุรกิจที่ดีขึ้น
โดยเฉพาะจาก
1) เรือ domestic trading ที่ได้ผลบวกจากการเดินทางในประเทศและจำนวนเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้น
2) เรือ international trading จากการรับรู้รายได้เรือ VLCC ครบ 3 ลำ
3) เรือ FSU มีค่าเช่าเรือและ u-rate สูงขึ้น
4) ธุรกิจ offshore ที่ได้ผลบวกจากเรือ crew boat ที่มี u-rate เต็ม 100% ขณะที่กำไรจะลดลง QoQ จากฐานกำไรที่สูงใน 4Q22 ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่และมีเรือขนาดใหญ่เข้า dry dock 2 ลำ ได้แก่ เรือ FSU และ AWB
บริษัทยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2023E ที่1.9 พันล้านบาท +20% YoY โดยกำไร 1Q23E จะคิดเป็น 25% จากทั้งปี ส่วนแนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปีจะยังคงดีต่อเนื่อง จาก
1) เรือ international trading จะดีขึ้นมาก จากการรับรู้รายได้เรือ VLCC เต็มปีครบทั้ง 3 ลำ
2) เรือ domestic trading จากตามความต้องการขนส่งน้ำมันและเคมีภัณฑ์ที่สูงขึ้น รวมถึงจะมีการรับเรือใหม่ใน 2Q23E
3) เรือ FSU จาก u-rate ที่ดีขึ้น และแนวโน้มค่าเช่าเรือมีโอกาสดีกว่าที่ทำไว้
4) ธุรกิจ offshore ในส่วนของเรือ AWB จะมีโอกาสปรับขึ้นค่าเช่าเรือรอบใหม่ใน 2Q23E
ราคาหุ้น outperform SET +8% ใน 6 เดือน จากกำไรปกติ 3Q-4Q22 ที่เติบโตโดดเด่น แต่กลับมา underperform SET -4%/-6% ในช่วง 1 และ 3 เดือน ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” จากกำไรปกติ 1Q23E และปี2023E ที่จะยังคงสดใส รวมถึงมีโอกาส upside จากแผนซื้อเรือใหม่ และความต้องการใช้เรือที่ยังคงสูง ทำให้ค่าเช่าเรือมีโอกาสดีกว่าที่เราทำไว้ได้อีก
ด้าน valuation ยังน่าสนใจคิดเป็น 2023E core PER ที่ 8.8 เท่า (-1.25SD) (กำไรปกติปี 2023E จะดีกว่าปี 2020 ที่มีกำไร 1.6 พันล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นในปี 2020 เฉลี่ยอยู่ที่ 8.50-9.50 บาท)
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีนี้ “วิริทธิ์พล จุไรสินธุ์” ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี PRM มั่นใจว่าจะสามารถผลักดันรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากสัญญาณภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัว หลังสถานการณ์โควิด-19 ภายในประเทศคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นและการเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ทำให้ความต้องการใช้พลังงานเชื้อเพลิงภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้น เป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการดำเนินงานของ PRM ในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยบริษัทฯ มั่นใจว่าจะรักษาอัตราการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง