Wealth Sharing

Thai Parcels ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทั่วไทย นับถอยหลัง IPO หลังได้รับอนุมัติจาก ก.ล.ต. แล้ว


12 พฤษภาคม 2566
ในยุคที่เศรษฐกิจและการขนส่งเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง การซื้อสินค้าไม่จำเป็นต้องทำโดยตรงระหว่างผู้ซื้อ ไปซื้อสินค้าและรับกลับเองจากที่ร้านอีกต่อไป ก่อให้เกิดยุคแห่ง E-Commerce ที่รุ่งเรื่องซึ่งส่งผลพวงที่ดีต่อธุรกิจ Logistics ทั้งระดับประเทศและสากล ณ ปัจจุบันเราสามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้อย่างหลากหลายมากยิ่งขึ้น หรือการส่งของระหว่างบุคคลก็สามารถทำได้ง่าย ทำให้ธุรกิจการขนส่งสินค้าทั้งขนาดเล็ก-กลาง -ใหญ่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ แต่ข้อจำกัดคือกลุ่มผู้ให้บริการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่หรือมีน้ำหนักเยอะมีเพียงไม่กี่เจ้า ด้วยข้อจำกัดของเครื่องมืออุปกรณ์ หรือกำลังแรงงาน บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL จึงมีความโดดเด่น ด้วยความพร้อมทุกด้านและมีความเชี่ยวชาญในด้านการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ สอดคล้องกับสโลแกน “ส่งหนัก ส่งใหญ่ ส่งทั่วไทยใช้ TP”
Thai Parcels ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทั่วไทย.jpg
บริษัท ไทยพาร์เซิล จำกัด (มหาชน) หรือ TPL (TP Logistics)  ให้บริการธุรกิจขนส่งสินค้า เริ่มจัดตั้งในปี 2547 ซึ่งในปี 2548 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บจก.พัสดุภัณฑ์ไทย และเปิดให้บริการศูนย์รับและกระจายสินค้าประเภท B2B ในปีเดียวกัน หลังจากนั้นขยายศูนย์รับและกระจายสินค้าจำนวน 12 แห่ง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจ และได้เริ่มรับลูกค้าประเภท C2C โดยในปี 2555 ประสบความสำเร็จในการสร้าง HUB กระจายสินค้าครบทุกภูมิภาค และพัฒนาต่อเนื่องกระทั่งปี 2561 เป็นผู้บริการรายแรกๆที่ให้บริการแบบ Cash on Delivery หรือ COD และ E-Payment โดยเริ่มจากกลุ่มลูกค้า E-Commerce นอกจากนี้ในปี 2564 ทางบริษัทฯ ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บมจ. ไทยพาร์เซิล และจนถึงปัจจุบันบริษัทฯ มีสำนักงานและสาขาทั้งหมด 129 สาขาทั่วประเทศ พนักงานมากกว่า 700 คน จำนวนรถขนส่งในระบบ 563 คัน และมีปริมาณสินค้าที่ขนส่งในปีที่ผ่านมากว่า 930,000 ชิ้น มีน้ำหนักรวมสูงถึง 67,600 ตัน

TPL ให้บริการจัดส่งพัสดุทุกขนาด แต่มีความโดดเด่นในด้านการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ น้ำหนักเยอะ (Odd size/Oversize) ในประเทศไทย จึงได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้บริการมาอย่างยาวนาน ขนส่งสินค้าที่ได้ตรงตามกำหนดเวลา ราคาเหมาะสม สินค้าคงสภาพสมบูรณ์ไร้ความเสียหายเมื่อถึงมือผู้รับ ทั้งยังสามารถตรวจเช็คสถานะขนส่งได้แบบ Real-time

นายภัทรลาภ ทวีวงศ์ ณ อยุธยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPL กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้มีการปรับตัวและพัฒนาองค์กรอยู่เสมอ        แม้แต่ในช่วงวิกฤติการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา บริษัทก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างสูงสุด ทำให้บริษัทสามารถรักษาฐานลูกค้าเดิม และสามารถหาฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาใช้บริการขนส่งสินค้าเพิ่มได้อีก ดังนั้นเราจึงมองหาโอกาสที่จะขยายขีดความสามารถในส่วนของศูนย์กระจายสินค้า รถขนส่ง และระบบการจัดการงานขนส่ง เพื่อให้สามารถรองรับจำนวนลูกค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการให้สามารถบริการลูกค้าได้อย่างครบวงจรมากขึ้น (Fulfillment Service)

ทั้งนี้ปัจจุบัน ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในระหว่างการนับถอยหลังเพื่อเข้าสู่กระบวนการเสนอขายหุ้นอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้