Wealth Sharing
TRU โชว์งบการเงินแข็งแกร่งต่อเนื่อง Q1/66 รายได้ทะยานแตะ 722 ลบ. บวก 6%
12 พฤษภาคม 2566
บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRU ผู้ผลิตชิ้นส่วนและจัดจำหน่ายรถยนต์อเนกประสงค์สัญชาติไทย โชว์ตัวเลขรายได้ประจำไตรมาสที่ 1 ปี 2566 มีรายได้รวมกว่า 722 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และมีกำไรสุทธิ 79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 เผยแผนธุรกิจต้น เตรียมขยายงานผลิตห้องโดยสาร (Cabin) และรถขุดตักรุ่นใหม่ เพื่อส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งลูกค้ามีความต้องการสูงขึ้น เป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 บริษัทฯ มีผลประกอบการพุ่งทะยานถึง 722 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากการผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนสำหรับผลิตรถยนต์ จำนวน 406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% และรายได้การรับจ้างประกอบและทำสี จำนวน 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 การทำกำไรที่ดีขึ้นของบริษัทเป็นผลมาจากการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การควบคุมต้นทุน ลดผลการขาดทุนของบริษัทลูก และการหารายได้เพิ่มจากทรัพย์สินของบริษัท เช่น การปล่อยเช่าโรงงานที่ยังไม่ได้มีการใช้งาน เป็นต้น ซึ่งผลประกอบการดังกล่าวนับว่าเป็นภาพสะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี”
นายสมพงษ์ กล่าวเสริมว่า “เมื่อพิจารณาจากปัจจัยภาพรวมด้านการดำเนินในช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 แล้ว บริษัทฯคาดว่าเป้ารายได้ตลอดปีนี้จะเติบโตไปในทิศทางที่ดี บริษัทยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแรง ไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ซึ่งทำให้ไม่ได้รับผลกระทบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น และยังมีศักยภาพในการขยายงานได้อีกมาก โดยเรามีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยให้ได้มากที่สุด”
นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า “ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 บริษัทฯ มีผลประกอบการพุ่งทะยานถึง 722 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักมาจากการผลิตอุปกรณ์และชิ้นส่วนสำหรับผลิตรถยนต์ จำนวน 406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% และรายได้การรับจ้างประกอบและทำสี จำนวน 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 การทำกำไรที่ดีขึ้นของบริษัทเป็นผลมาจากการขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง การควบคุมต้นทุน ลดผลการขาดทุนของบริษัทลูก และการหารายได้เพิ่มจากทรัพย์สินของบริษัท เช่น การปล่อยเช่าโรงงานที่ยังไม่ได้มีการใช้งาน เป็นต้น ซึ่งผลประกอบการดังกล่าวนับว่าเป็นภาพสะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี”
นายสมพงษ์ กล่าวเสริมว่า “เมื่อพิจารณาจากปัจจัยภาพรวมด้านการดำเนินในช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2566 แล้ว บริษัทฯคาดว่าเป้ารายได้ตลอดปีนี้จะเติบโตไปในทิศทางที่ดี บริษัทยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแรง ไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ซึ่งทำให้ไม่ได้รับผลกระทบกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น และยังมีศักยภาพในการขยายงานได้อีกมาก โดยเรามีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งประเทศไทย เพื่อสร้างสรรค์ยนตรกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนไทยให้ได้มากที่สุด”