Talk of The Town
SSP โชว์ Q1/66 กำไร 256 ลบ.โต 83% เดินหน้าโรงไฟฟ้า LEO 2 ในญี่ปุ่น มั่นใจพอร์ต Renewable โตเท่าตัวใน 3 ปี
12 พฤษภาคม 2566
บมจ.เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) เปิดงบไตรมาส 1/66 กำไร 256 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% (QoQ) มีรายได้จากการขายและให้บริการ 761 ล้านบาท บิ๊กบอส “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์” ใส่เกียร์เดินหน้าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2 กำลังผลิต 22 เมกะวัตต์ ในประเทศญี่ปุ่น เร่งขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบ โตเท่าตัวใน3 ปี
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯในไตรมาส 1/66 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566) มีรายได้จากการขายและให้บริการ 761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัท 256 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 83% เมื่อเปรียบเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า ( QoQ) ที่มีรายได้จากการขายและให้บริการ 698 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 140 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นภาพการปรับตัวขึ้นของผลประกอบการอย่างเด่นชัด
สาเหตุที่ทำให้รายได้และกำไรในไตรมาสแรกปีนี้ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องมาจากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ,โรงไฟฟ้าพลังงานลม ,โรงไฟฟ้าชีวมวล , พลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา และ โรงไฟฟ้าวินด์ชัยฟาร์ม สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 45 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 25% ในเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งจะทำให้รับรู้กำไรได้เต็มไตรมาสในปี 2566 และเข้าสู่ช่วงไฮซีชั่นของโรงไฟฟ้าพลังงานลม
ส่วนแนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2566 นี้ เชื่อว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสเพื่อเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆในประเทศ ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำ M&A ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปิดดิล ซึ่งจะเป็นส่วรนช่วยสนับสนุน ทำให้พอร์ตกำลังผลิตเติบโตเท่าตัวในอีก 3 ปี สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ มั่นใจว่าจะสามารถเริ่มพัฒนาโครงการได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2566 ได้ตามแผนที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หลังจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จได้โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) จำนวน 170.5 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ บริษัทฯกำลังศึกษาและเตรียมความพร้อม สำหรับเข้าประมูลการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมตามที่กกพ.ได้ประกาศออกมา ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ 2,632 เมกะวัตต์ พลังงานลม 1,000 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) 6.5 เมกะวัตต์ และขยะอุตสาหกรรม 30 เมกะวัตต์ คิดเป็นปริมาณรับซื้อเพิ่มเติมรวม 3,668.5 เมกะวัตต์ เพื่อขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดประเภทอื่นๆ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่ง รองรับแผนการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานแล้ว 236 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายในอีก 3 ปี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็นเท่าตัวทะลุ 500 เมกะวัตต์ โดยมีสัดส่วนจากแหล่งพลังงานใหม่ๆ เช่น พลังงานลม หรือ ชีวมวล เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯในไตรมาส 1/66 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2566) มีรายได้จากการขายและให้บริการ 761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% และมีกำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัท 256 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 83% เมื่อเปรียบเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า ( QoQ) ที่มีรายได้จากการขายและให้บริการ 698 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 140 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นภาพการปรับตัวขึ้นของผลประกอบการอย่างเด่นชัด
สาเหตุที่ทำให้รายได้และกำไรในไตรมาสแรกปีนี้ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องมาจากการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ,โรงไฟฟ้าพลังงานลม ,โรงไฟฟ้าชีวมวล , พลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา และ โรงไฟฟ้าวินด์ชัยฟาร์ม สัญญาซื้อขายไฟฟ้า 45 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 25% ในเดือนมีนาคม 2565 ซึ่งจะทำให้รับรู้กำไรได้เต็มไตรมาสในปี 2566 และเข้าสู่ช่วงไฮซีชั่นของโรงไฟฟ้าพลังงานลม
ส่วนแนวโน้มผลดำเนินงานในปี 2566 นี้ เชื่อว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน อีกทั้งบริษัทฯ ยังมองหาโอกาสเพื่อเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆในประเทศ ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำ M&A ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปิดดิล ซึ่งจะเป็นส่วรนช่วยสนับสนุน ทำให้พอร์ตกำลังผลิตเติบโตเท่าตัวในอีก 3 ปี สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2 ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 22 เมกะวัตต์ มั่นใจว่าจะสามารถเริ่มพัฒนาโครงการได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2566 ได้ตามแผนที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หลังจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จได้โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) จำนวน 170.5 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ บริษัทฯกำลังศึกษาและเตรียมความพร้อม สำหรับเข้าประมูลการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมตามที่กกพ.ได้ประกาศออกมา ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ 2,632 เมกะวัตต์ พลังงานลม 1,000 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) 6.5 เมกะวัตต์ และขยะอุตสาหกรรม 30 เมกะวัตต์ คิดเป็นปริมาณรับซื้อเพิ่มเติมรวม 3,668.5 เมกะวัตต์ เพื่อขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดประเภทอื่นๆ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่ง รองรับแผนการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewable ทุกรูปแบบ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานแล้ว 236 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายในอีก 3 ปี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็นเท่าตัวทะลุ 500 เมกะวัตต์ โดยมีสัดส่วนจากแหล่งพลังงานใหม่ๆ เช่น พลังงานลม หรือ ชีวมวล เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น