บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF รายงานผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1 ปี 2566 มีรายได้จากการขาย 143,781 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4 เมื่อเทียบจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็นส่วนของกิจการต่างประเทศร้อยละ 61 และกิจการประเทศไทยร้อยละ 39 โดยรายได้จากการขายของกิจการประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 และรายได้จากการขายของกิจการต่างประเทศใกล้เคียงเดิม ด้วยต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ที่สูงขึ้น ประกอบกับราคาสุกรในภูมิภาคที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิในส่วนของบริษัทจำนวน 2,725 ล้านบาท
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวถึง ผลการดำเนินงานว่า ไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะกิจการในต่างประเทศ จากการที่ต้นทุนการผลิตเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ในหลายประเทศ เช่น ราคากากถั่วเหลืองและข้าวโพดที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 จากปีก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายพลังงานและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาเนื้อสัตว์ในหลายประเทศลดลงจากสภาวะอุปสงค์อุปทานที่ไม่สมดุล เป็นผลจากกำลังซื้อในหลายประเทศยังไม่เป็นไปตามที่คาด ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงจากปีที่ผ่านมา รวมทั้งส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าของบริษัทมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น จากบริษัทร่วมในประเทศจีนที่ดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์และฟาร์มสุกรที่มีต้นทุนการผลิตสุกรสูงขึ้น และการที่ระดับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายจากเงินกู้เพิ่มขึ้น
บริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ความสำคัญในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า ความต้องการบริโภคที่น่าจะดีขึ้นตามลำดับตามภาวะเศรษฐกิจ จะสร้างความสมดุลของภาวะอุปสงค์อุปทานในการบริโภคเนื้อสัตว์ ที่คาดว่าจะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปีนี้
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร CPF กล่าวถึง ผลการดำเนินงานว่า ไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะกิจการในต่างประเทศ จากการที่ต้นทุนการผลิตเนื้อสัตว์ที่เพิ่มขึ้นจากราคาวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอาหารสัตว์ในหลายประเทศ เช่น ราคากากถั่วเหลืองและข้าวโพดที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 20 จากปีก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายพลังงานและค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาเนื้อสัตว์ในหลายประเทศลดลงจากสภาวะอุปสงค์อุปทานที่ไม่สมดุล เป็นผลจากกำลังซื้อในหลายประเทศยังไม่เป็นไปตามที่คาด ทำให้กำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงจากปีที่ผ่านมา รวมทั้งส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าของบริษัทมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น จากบริษัทร่วมในประเทศจีนที่ดำเนินธุรกิจอาหารสัตว์และฟาร์มสุกรที่มีต้นทุนการผลิตสุกรสูงขึ้น และการที่ระดับอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีภาระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายจากเงินกู้เพิ่มขึ้น
บริษัทได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ความสำคัญในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อเสริมความสามารถในการแข่งขันอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า ความต้องการบริโภคที่น่าจะดีขึ้นตามลำดับตามภาวะเศรษฐกิจ จะสร้างความสมดุลของภาวะอุปสงค์อุปทานในการบริโภคเนื้อสัตว์ ที่คาดว่าจะสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นในครึ่งปีหลังของปีนี้