Wealth Sharing
ECF เผย Q1 รายได้ 323 ลบ. กำไร 9.65 ลบ. เดินหน้าดันยอดขายทั้งในและต่างประเทศ
12 พฤษภาคม 2566
ECF เผยผลประกอบการ Q1/66 รายได้รวม 323.19 ล้านบาท กำไรสุทธิ 9.65 ล้านบาท แนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/66 มุ่งเน้นขยายตลาดเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ ชูกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์โดดเด่นด้วยดีไซน์ ฟังก์ชั่น ตอบโจทย์ความต้องการไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยครบวงจร เล็งแตกไลน์สินค้าตกแต่งบ้าน พร้อมเพิ่มกำลังผลิต ต่อยอดการเติบโต
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดไม้เอ็มดีเอฟแบบประกอบด้วยตนเอง เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึง ผลประกอบการไตรมาส 1/66 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 323.19 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวของปีก่อนที่มีรายได้รวม 419.96 ล้านบาท จำนวน 96.77 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 9.65 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.35 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง สาเหตุสำคัญเกิดจากรายได้การส่งออกที่ลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อในประเทศต่างๆ รวมถึงผลกระทบจากภาวะสงครามที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศ 58.52 % และส่งออก 41.48 % ซึ่งในไตรมาสแรกที่ผ่านมารายได้จากการส่งออกลดลง 42.24 % ขณะที่การจำหน่ายสินค้าภายในประเทศมีมูลค่าใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/66 บริษัทมุ่งเน้นขยายตลาดและช่องทางการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศมีสัญญาณการเติบโตที่ดี ปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจภาคบริการ ภาคท่องเที่ยว และภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจและความท้าทายใหม่ของบริษัท ในการมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ให้มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมเพิ่มไลน์สินค้าตกแต่งบ้าน เพื่อขยายฐานลูกค้า และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าแบบครบวงจร
ส่วนตลาดต่างประเทศ ยอดขายมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศกลับมาอีกครั้งนับตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนปีนี้ อีกทั้งกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น มีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อทั้งต่างประเทศและในประเทศที่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ เฟสแรก 50 MW เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร เฟส 2 (50 MW) ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ส่วนเฟสที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุดต่อไป
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) (ECF) ผู้ผลิตและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ดไม้เอ็มดีเอฟแบบประกอบด้วยตนเอง เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยถึง ผลประกอบการไตรมาส 1/66 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 323.19 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวของปีก่อนที่มีรายได้รวม 419.96 ล้านบาท จำนวน 96.77 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 9.65 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.35 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลง สาเหตุสำคัญเกิดจากรายได้การส่งออกที่ลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและกำลังซื้อในประเทศต่างๆ รวมถึงผลกระทบจากภาวะสงครามที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศ 58.52 % และส่งออก 41.48 % ซึ่งในไตรมาสแรกที่ผ่านมารายได้จากการส่งออกลดลง 42.24 % ขณะที่การจำหน่ายสินค้าภายในประเทศมีมูลค่าใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/66 บริษัทมุ่งเน้นขยายตลาดและช่องทางการจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ทั้งในและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศมีสัญญาณการเติบโตที่ดี ปัจจัยสนับสนุนจากธุรกิจภาคบริการ ภาคท่องเที่ยว และภาคอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านเพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจและความท้าทายใหม่ของบริษัท ในการมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ให้มีความโดดเด่นด้านดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน พร้อมเพิ่มไลน์สินค้าตกแต่งบ้าน เพื่อขยายฐานลูกค้า และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าแบบครบวงจร
ส่วนตลาดต่างประเทศ ยอดขายมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศกลับมาอีกครั้งนับตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนปีนี้ อีกทั้งกลุ่มลูกค้าประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น มีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาแผนเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อทั้งต่างประเทศและในประเทศที่เข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพอยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทน ที่ผ่านมารับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ขนาด 220 MW เมืองมินบู ประเทศเมียนมาร์ เฟสแรก 50 MW เรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไร เฟส 2 (50 MW) ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้ ส่วนเฟสที่ 3 และ 4 อยู่ระหว่างวางแผนเพื่อก่อสร้างให้ครบโดยเร็วที่สุดต่อไป