Wealth Sharing
BEAUTY ทยอยฟื้น Q1/66 รายได้ 108 ลบ. มองครึ่งปีหลังดีขึ้นต่อเนื่อง ลุ้นพลิกมีกำไร
12 พฤษภาคม 2566
BEAUTY เผยผลประกอบการ Q1/66 รายได้รวม 108.75 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 6.23 ล้านบาท แนวโน้มไตรมาส 2/66 และครึ่งปีหลังธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ลุ้นพลิกมีกำไร เร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่ม BEAUTY & WELLNESS ต่อเนื่อง เดินหน้าตามแผน พัฒนาโมเดลธุรกิจ ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ เพิ่มช่องทางจำหน่ายทุกรูปแบบ ลุยตลาดแมสทั้งในและต่างประเทศ
ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวภายใต้แนวคิด Live a Beautiful Life เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้รวม 108.75 ล้านบาท ลดลง 3.51% % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 112.71 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 5.45% จากไตรมาส 4/65 ที่มีรายได้รวม 103.12 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 6.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 2.92 ล้านบาท และขาดทุนลดลงจากไตรมาส 4/65 ที่มีขาดทุนสุทธิ 12.32 ล้านบาท
รายได้รวมของบริษัท หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีผลขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตลาดทั้งในและต่างประเทศทยอยฟื้นตัว กำลังซื้อในประเทศปรับตัวดีขึ้น และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่องทาง Modern trade อาทิ King Power ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายที่มีนักท่องเที่ยวจีนมาซื้อเริ่มมีแนวโน้มที่ดี คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะจีนปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม BEAUTY & WELLNESS คือ Beauty Buffet B-Hi Collagen และกาแฟควบคุมน้ำหนัก Lansley Diet Coffee Plus ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพมีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งช่องทางการจำหน่ายใหม่เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเติบโตขึ้น
ดร.พีระพงษ์ กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/66 และครึ่งปีหลังว่า ผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ คาดว่ามีโอกาสพลิกกลับมามีกำไร โดยช่วงต่อจากนี้ จะมุ่งเน้นตลาดในประเทศ โดยบริษัทจะเร่งผลักดันแคมเปญการตลาด 3 แคมเปญในครึ่งปีแรก คือ 1. สินค้า B-Hi Collagen โดยมี ดีเจนุ้ย ธนวัฒน์ และน้องมิ้น รัญชน์รวี เป็นพรีเซนเตอร์บอกเล่าคุณประโยชน์ของตัวสินค้า 2. กลุ่มสินค้ายอดนิยม Milk Plus Collection โดยมี 2 หนุ่มเนื้อหอม ฟอร์ด ฐิติพงศ์ - พีท วสุธร แฟนคลับจีนชื่นชอบมาตอกย้ำความเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมตลอดกาล และ 3. กลุ่มสินค้าเมคอัพ กับแคมเปญ GINO McCRAY สะกดทุกลุค โดยมีแบรนด์แอมบาสเดอร์ คือ น้องบัว นลินทิพย์ มาส่งต่อความสวยให้กับผู้หญิงทุกคน
ส่วนช่องทางจำหน่ายเดินหน้าขยายช่องทางสินค้าอุปโภค (consumer product ) ไม่ว่าจะเป็นโมเดิร์นเทรด เช่น บิ๊กซี โลตัส ท๊อป วัตสัน CJ Express ฯลฯ และเจอร์เนอร์รัลเทรด กระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายไปสู่ร้านค้าปลีกในระดับอำเภอ โดยปรับรูปแบบสินค้าให้มีขนาดและราคา ที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ ความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายที่มีศักยภาพในพื้นที่ต่างๆ
ขณะที่มีการเปิดร้านค้าปลีก BEAUTY BUFFET SHOP รูปแบบใหม่จำนวน 2 แห่ง มีกระแสตอบรับที่ดี จากทั้งลูกค้าคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้บริษัทมีแผนขยายช่องทางจำหน่าย โดยมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ BEAUTY BUFFET SHOP เพิ่มจำนวน 8 สาขาในปีนี้เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง ควบคู่ไปกับการสื่อสารการตลาดด้วยภาพลักษณ์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์แบบ O2O เต็มรูปแบบ และพรีเซนเตอร์ที่หลากหลายในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์
ล่าสุดบริษัทมีแผนขยายช่องทางการขายรูปแบบใหม่ โดยให้สิทธิ์การเปิดร้านค้า (Shop License) แบบ KIOSK License เพื่อกระจายสาขาให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า เน้นโลเคชั่นในห้างสรรพสินค้าและย่านการค้าที่ใกล้แหล่งชุมชนและแหล่งทำเลการค้าต่างๆ ปัจจุบันมีผู้แสดงความสนใจเข้ามาแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาความพร้อมด้านต่างๆ ร่วมกัน โดยมีแผนที่จะเปิด KIOSK License 10 แห่งในปีนี้
สำหรับช่องทาง E-Commerce จะเน้นเพิ่มความสามารถการนำเสนอสินค้ากับกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น พัฒนาระบบบริหารจัดการสินค้าให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเพิ่มแพลตฟอร์มการเข้าถึงสินค้าให้มีความหลากหลายทั้งเว็บไซต์ของบริษัท, Market Place ชั้นนำ, Social Media ที่มีศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการการเข้าถึงได้ทุกช่องทาง สั่งซื้อง่าย และได้รับสินค้าถูกต้อง รวดเร็ว ในส่วนของแอปพลิเคชั่น "Beauty Buffet Club" ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ซึ่งเป็นศูนย์รวมข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก รวมถึงสะสมแต้มเพื่อแลกส่วนลดจากแบรนด์ชั้นนำที่ร่วมรายการ เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าสมาชิกที่มีอยู่กว่า 3 ล้านราย
ส่วนช่องทางตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายใน 12 ประเทศ ประกอบด้วย จีน ซาอุดิอาระเบีย ฮ่องกง ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา พม่า ลาว มาลเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น โดยในช่วงต่อจากนี้จะโฟกัสกลุ่มประเทศ ตะวันออกกลาง (Middle East) โดนเฉพาะซาอุดิอาระเบีย ซึ่งยอดขายในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีสัญญาณที่ดี มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ อีกทั้งมีแผนขยายตัวแทนจำหน่ายในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม
ดร.พีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิวภายใต้แนวคิด Live a Beautiful Life เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/66 บริษัทมีรายได้รวม 108.75 ล้านบาท ลดลง 3.51% % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 112.71 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 5.45% จากไตรมาส 4/65 ที่มีรายได้รวม 103.12 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 6.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 2.92 ล้านบาท และขาดทุนลดลงจากไตรมาส 4/65 ที่มีขาดทุนสุทธิ 12.32 ล้านบาท
รายได้รวมของบริษัท หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน ปรับตัวเพิ่มขึ้น และมีผลขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากตลาดทั้งในและต่างประเทศทยอยฟื้นตัว กำลังซื้อในประเทศปรับตัวดีขึ้น และกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้ช่องทาง Modern trade อาทิ King Power ซึ่งเป็นช่องทางจำหน่ายที่มีนักท่องเที่ยวจีนมาซื้อเริ่มมีแนวโน้มที่ดี คำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศโดยเฉพาะจีนปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม BEAUTY & WELLNESS คือ Beauty Buffet B-Hi Collagen และกาแฟควบคุมน้ำหนัก Lansley Diet Coffee Plus ซึ่งตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพมีกระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งช่องทางการจำหน่ายใหม่เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเติบโตขึ้น
ดร.พีระพงษ์ กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2/66 และครึ่งปีหลังว่า ผลประกอบการมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ คาดว่ามีโอกาสพลิกกลับมามีกำไร โดยช่วงต่อจากนี้ จะมุ่งเน้นตลาดในประเทศ โดยบริษัทจะเร่งผลักดันแคมเปญการตลาด 3 แคมเปญในครึ่งปีแรก คือ 1. สินค้า B-Hi Collagen โดยมี ดีเจนุ้ย ธนวัฒน์ และน้องมิ้น รัญชน์รวี เป็นพรีเซนเตอร์บอกเล่าคุณประโยชน์ของตัวสินค้า 2. กลุ่มสินค้ายอดนิยม Milk Plus Collection โดยมี 2 หนุ่มเนื้อหอม ฟอร์ด ฐิติพงศ์ - พีท วสุธร แฟนคลับจีนชื่นชอบมาตอกย้ำความเป็นผลิตภัณฑ์ยอดนิยมตลอดกาล และ 3. กลุ่มสินค้าเมคอัพ กับแคมเปญ GINO McCRAY สะกดทุกลุค โดยมีแบรนด์แอมบาสเดอร์ คือ น้องบัว นลินทิพย์ มาส่งต่อความสวยให้กับผู้หญิงทุกคน
ส่วนช่องทางจำหน่ายเดินหน้าขยายช่องทางสินค้าอุปโภค (consumer product ) ไม่ว่าจะเป็นโมเดิร์นเทรด เช่น บิ๊กซี โลตัส ท๊อป วัตสัน CJ Express ฯลฯ และเจอร์เนอร์รัลเทรด กระจายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายไปสู่ร้านค้าปลีกในระดับอำเภอ โดยปรับรูปแบบสินค้าให้มีขนาดและราคา ที่เหมาะสมกับกำลังซื้อ ความต้องการของผู้บริโภค อีกทั้งคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายที่มีศักยภาพในพื้นที่ต่างๆ
ขณะที่มีการเปิดร้านค้าปลีก BEAUTY BUFFET SHOP รูปแบบใหม่จำนวน 2 แห่ง มีกระแสตอบรับที่ดี จากทั้งลูกค้าคนไทย และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งนี้บริษัทมีแผนขยายช่องทางจำหน่าย โดยมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ BEAUTY BUFFET SHOP เพิ่มจำนวน 8 สาขาในปีนี้เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในวงกว้าง ควบคู่ไปกับการสื่อสารการตลาดด้วยภาพลักษณ์ใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยกลยุทธ์แบบ O2O เต็มรูปแบบ และพรีเซนเตอร์ที่หลากหลายในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์
ล่าสุดบริษัทมีแผนขยายช่องทางการขายรูปแบบใหม่ โดยให้สิทธิ์การเปิดร้านค้า (Shop License) แบบ KIOSK License เพื่อกระจายสาขาให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า เน้นโลเคชั่นในห้างสรรพสินค้าและย่านการค้าที่ใกล้แหล่งชุมชนและแหล่งทำเลการค้าต่างๆ ปัจจุบันมีผู้แสดงความสนใจเข้ามาแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาความพร้อมด้านต่างๆ ร่วมกัน โดยมีแผนที่จะเปิด KIOSK License 10 แห่งในปีนี้
สำหรับช่องทาง E-Commerce จะเน้นเพิ่มความสามารถการนำเสนอสินค้ากับกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น พัฒนาระบบบริหารจัดการสินค้าให้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งเพิ่มแพลตฟอร์มการเข้าถึงสินค้าให้มีความหลากหลายทั้งเว็บไซต์ของบริษัท, Market Place ชั้นนำ, Social Media ที่มีศักยภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการการเข้าถึงได้ทุกช่องทาง สั่งซื้อง่าย และได้รับสินค้าถูกต้อง รวดเร็ว ในส่วนของแอปพลิเคชั่น "Beauty Buffet Club" ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ซึ่งเป็นศูนย์รวมข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษสำหรับสมาชิก รวมถึงสะสมแต้มเพื่อแลกส่วนลดจากแบรนด์ชั้นนำที่ร่วมรายการ เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของลูกค้าสมาชิกที่มีอยู่กว่า 3 ล้านราย
ส่วนช่องทางตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายใน 12 ประเทศ ประกอบด้วย จีน ซาอุดิอาระเบีย ฮ่องกง ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา พม่า ลาว มาลเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น โดยในช่วงต่อจากนี้จะโฟกัสกลุ่มประเทศ ตะวันออกกลาง (Middle East) โดนเฉพาะซาอุดิอาระเบีย ซึ่งยอดขายในกลุ่มประเทศดังกล่าวมีสัญญาณที่ดี มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ อีกทั้งมีแผนขยายตัวแทนจำหน่ายในประเทศอื่นๆ เพิ่มเติม