กระดานข่าว
STI เปิดผลงานโค้งแรกปี 66 ทำรายได้ 447 ลบ. ด้านกำไรโต 10.3% ตุน Backlog ที่ 4,200 ลบ.
12 พฤษภาคม 2566
บมจ.สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ หรือ STI ผู้นำกลุ่มธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง เผยผลงานโค้งแรกปี 66 มีรายได้รวมเกือบ 447 ล้านบาท กำไรสุทธิ 33 ล้านบาท โตกว่า 10% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายหนุนโครงการก่อสร้างรัฐ - เอกชนเดินหน้า ขณะที่ปัจุบัน STI ตุน Backlog ไว้ที่ 4,200 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าต่อ Q2/66 ตามแผน

นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2566) บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวม 446.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 415.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7.5% และมีกำไรสุทธิ 33.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาท หรือ 10.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.1 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7.4% และยังคงสามารถรักษาอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ได้ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยในไตรมาส 1/2566 มี ROE ที่ระดับ 17.4%
สำหรับรายได้จากการให้บริการจำนวน 446.8 ล้านบาท ดังกล่าว มาจากรายได้จากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น 27.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.3% เนื่องจากงานที่ชะลอตัวก่อนหน้านี้ ได้ทยอยกลับมาพัฒนาต่อในช่วงไตรมาส 1/2566 ภายหลังการระบาดของเชื้อโควิด-19 คลี่คลายลง
รวมทั้งงานโครงการหลักๆ ในปัจจุบันยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ เช่น โครงการ One Bangkok, โครงการรถไฟรางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ, โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูนราษฎร์บูรณะ และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 เป็นต้น
นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม และธุรกิจอื่น มีจำนวนเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.2% เนื่องจากงานบริการส่วนนี้สามารถดำเนินการเพื่อส่งมอบได้มากขึ้น ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะงานในส่วนของบริษัทย่อย AEC ในไตรมาสนี้
นายสมเกียรติ กล่าวต่อถึง ภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2566 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการที่จะก่อสร้างในอนาคต โดยภาครัฐมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงการระบขนส่งมวลชน ได้แก่ ทางหลวง ทางด่วน ท่าเรือ สนามบิน และ โครงข่ายการขนส่งระบบราง ที่คาดว่าเริ่มประมูลในปี 2566-2567
รวมไปถึง การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนจากจำนวนการเปิดโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว เป็นโอกาสของกลุ่ม STI เช่นกัน โดยปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 4,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในอีก 2-3 ปี ซึ่งช่วยเสริมให้เป้าหมายรายได้ปีนี้คาดจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน ควบคู่การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้สำหรับการควบคุมและบริหารงานก่อสร้างให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์งานก่อสร้างที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2566) บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวม 446.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 415.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7.5% และมีกำไรสุทธิ 33.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาท หรือ 10.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 30.1 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 7.4% และยังคงสามารถรักษาอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ได้ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจากปีก่อน โดยในไตรมาส 1/2566 มี ROE ที่ระดับ 17.4%
สำหรับรายได้จากการให้บริการจำนวน 446.8 ล้านบาท ดังกล่าว มาจากรายได้จากธุรกิจบริหารและควบคุมงานก่อสร้าง ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น 27.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8.3% เนื่องจากงานที่ชะลอตัวก่อนหน้านี้ ได้ทยอยกลับมาพัฒนาต่อในช่วงไตรมาส 1/2566 ภายหลังการระบาดของเชื้อโควิด-19 คลี่คลายลง
รวมทั้งงานโครงการหลักๆ ในปัจจุบันยังคงมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ เช่น โครงการ One Bangkok, โครงการรถไฟรางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ, โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ เตาปูนราษฎร์บูรณะ และโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 เป็นต้น
นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจออกแบบสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม และธุรกิจอื่น มีจำนวนเพิ่มขึ้น 3.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4.2% เนื่องจากงานบริการส่วนนี้สามารถดำเนินการเพื่อส่งมอบได้มากขึ้น ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะงานในส่วนของบริษัทย่อย AEC ในไตรมาสนี้
นายสมเกียรติ กล่าวต่อถึง ภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2566 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการที่จะก่อสร้างในอนาคต โดยภาครัฐมีแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ เช่น โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โครงการระบขนส่งมวลชน ได้แก่ ทางหลวง ทางด่วน ท่าเรือ สนามบิน และ โครงข่ายการขนส่งระบบราง ที่คาดว่าเริ่มประมูลในปี 2566-2567
รวมไปถึง การฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ สะท้อนจากจำนวนการเปิดโครงการใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง นอกจากนี้ ภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว เป็นโอกาสของกลุ่ม STI เช่นกัน โดยปัจจุบันมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 4,200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในอีก 2-3 ปี ซึ่งช่วยเสริมให้เป้าหมายรายได้ปีนี้คาดจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อน ควบคู่การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้สำหรับการควบคุมและบริหารงานก่อสร้างให้ครอบคลุมทุกมิติ เพื่อตอบโจทย์งานก่อสร้างที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ยอดนิยม

VIH ซื้อหุ้นคืน 26.66 ล้านหุ้น ใช้เงินสดส่วนเกิน ยืนยันไม่เกี่ยวเงินเพิ่มทุน สาเหตุราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน ตั้งเป้าทำนิวไฮใหม่ปีนี้

13 มีนาคมนี้!!! ผู้ถือหุ้น MC รับเงินปันผลบานฉ่ำ !!!
.jpg)
“นิปปอนเพนต์” ก้าวล้ำวงการสีด้วยพลัง AI! ส่งสุดยอดแพ็กคู่โซลูชัน “น้องนิปปอน” และ “Colour Design”

เบเยอร์ เขย่าวงการธุรกิจสีทาอาคาร สำเร็จเจ้าแรก! ใช้เทคโนโลยีล้ำ AI OCR อ่านบิลเขียนมือได้ รันแคมเปญใหญ่ "ลดเดือดรับ Summer แจกไม่ยั้ง!"
