กระดานข่าว
PLUS ส่งซิก Q2 เป็นไปตามแผน อานิสงส์ตลาดต่างประเทศโต รุกขยายฐานลค.เพิ่ม ตั้งเป้ารายได้โต 20%-30%
12 พฤษภาคม 2566
“บมจ.โรแยล พลัส” หรือ PLUS ส่งซิกแนวโน้ม Q2 โตตามแผน มั่นใจรายได้ปีนี้โต 20-30% อานิสงส์ตลาดต่างประเทศ “อเมริกา-ยุโรป-เอเชีย-ตะวันออกกลาง” เติบโต พร้อมชู 3 กลยุทธ์ ในการขับเคลื่อนธุรกิจ เผยการลงทุนสายการผลิตขวดพลาสติก (PET) และสร้างรายได้จากไลน์ผลิตใหม่นี้ได้ทันที เร่งติดสปีดขยายสาขาผ่าน “วอลมาร์ต” เพิ่มเป็น 3,000-4,000 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 2,000 สาขา
นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/66 คาดยังเป็นไปตามแผน โดยมีทิศทางดีกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมา สนับสนุนผลงานในปี 66 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโตที่ระดับ 20% - 30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,457.41 ล้านบาท และยังมีนโยบายรักษาความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้กำลังการผลิตใหม่ขวด PET คาดผลิตล็อตแรกปลายไตรมาส2/66 - ต้นไตรมาส 3/66 ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อของลูกค้ารองรับกำลังการผลิตไว้บางส่วนแล้ว
ในปี 2566 บริษัทจะใช้ 3 กลยุทธ์ ในการขับเคลื่อนธุรกิจ ประกอบด้วย 1.การขยายช่องทางของตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการส่งออกไปใน 106 ประเทศ และมีผู้แทนจำหน่าย (Distributer) ใน 41 ประเทศ, 2.การสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) ให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ และ 3.การสร้างการเติบโตให้กับสินค้าใหม่ ๆ (new product Growth)
ในส่วนของตลาดส่งออก ปีนี้บริษัทมีแผนขยายผ่านช่องทางการจำหน่ายในห้าง “วอลมาร์ต” เพิ่มเป็น 3,000 - 4,000 สาขา จากปัจจุบันที่มีการจำหน่ายในห้าง “วอลมาร์ต” แล้วจำนวน 2,000 สาขา ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา หากได้รับการยืนยันจะส่งผลบวกต่อยอดขายของบริษัท นอกจากนี้บริษัทยังหาตัวแทนจำหน่ายเพิ่มอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายตลาดไปในประเทศใหม่ (New Market) ที่ไม่เคยมีสินค้าของ PLUS วางจำหน่าย บริษัทยังคงศึกษาเพื่อขยายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ด้านความคืบหน้าการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ทั้งโครงการโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ขนาดกำลังการผลิต 985.36 กิโลวัตต์ (kW) ขณะนี้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าใช้แล้ว และในอนาคตบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตของโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าของบริษัทได้ในอนาคต
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 1 ปี 2566 มีรายได้รวม 244.6 ล้านบาท ลดลง 145.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.3 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ฤดูหนาวในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ยาวนานกว่าปกติ กอปรกับแผนการขยายสาขาในช่องทางการจัดจำหน่ายหลักยังอยู่ระหว่างเจรจาทำให้แผนการกระจายสินค้าเลื่อนออกไป ทำให้ลูกค้าในสหรัฐฯ ชะลอการนำเข้าจึงทำให้แผนการขายยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ อีกทั้งลูกค้าในประเทศจีนยังประสบปัญหาการระบาดของ COVID-19 หลังจากการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการ แต่ยังไม่สามารถระบายสินค้าและกลับมาเป็นปกติได้ แต่อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นจำนวน 8.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 8.2 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ลดลง 38.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 82.5 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/66 คาดยังเป็นไปตามแผน โดยมีทิศทางดีกว่าไตรมาสแรกที่ผ่านมา สนับสนุนผลงานในปี 66 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมเติบโตที่ระดับ 20% - 30% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,457.41 ล้านบาท และยังมีนโยบายรักษาความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้กำลังการผลิตใหม่ขวด PET คาดผลิตล็อตแรกปลายไตรมาส2/66 - ต้นไตรมาส 3/66 ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อของลูกค้ารองรับกำลังการผลิตไว้บางส่วนแล้ว
ในปี 2566 บริษัทจะใช้ 3 กลยุทธ์ ในการขับเคลื่อนธุรกิจ ประกอบด้วย 1.การขยายช่องทางของตลาดต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการส่งออกไปใน 106 ประเทศ และมีผู้แทนจำหน่าย (Distributer) ใน 41 ประเทศ, 2.การสร้างการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) ให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ และ 3.การสร้างการเติบโตให้กับสินค้าใหม่ ๆ (new product Growth)
ในส่วนของตลาดส่งออก ปีนี้บริษัทมีแผนขยายผ่านช่องทางการจำหน่ายในห้าง “วอลมาร์ต” เพิ่มเป็น 3,000 - 4,000 สาขา จากปัจจุบันที่มีการจำหน่ายในห้าง “วอลมาร์ต” แล้วจำนวน 2,000 สาขา ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา หากได้รับการยืนยันจะส่งผลบวกต่อยอดขายของบริษัท นอกจากนี้บริษัทยังหาตัวแทนจำหน่ายเพิ่มอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายตลาดไปในประเทศใหม่ (New Market) ที่ไม่เคยมีสินค้าของ PLUS วางจำหน่าย บริษัทยังคงศึกษาเพื่อขยายอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ด้านความคืบหน้าการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ทั้งโครงการโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ขนาดกำลังการผลิต 985.36 กิโลวัตต์ (kW) ขณะนี้เริ่มดำเนินการผลิตไฟฟ้าใช้แล้ว และในอนาคตบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตของโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มเติมอีก ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟฟ้าของบริษัทได้ในอนาคต
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 1 ปี 2566 มีรายได้รวม 244.6 ล้านบาท ลดลง 145.6 ล้านบาท หรือร้อยละ 37.3 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์ฤดูหนาวในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ยาวนานกว่าปกติ กอปรกับแผนการขยายสาขาในช่องทางการจัดจำหน่ายหลักยังอยู่ระหว่างเจรจาทำให้แผนการกระจายสินค้าเลื่อนออกไป ทำให้ลูกค้าในสหรัฐฯ ชะลอการนำเข้าจึงทำให้แผนการขายยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ อีกทั้งลูกค้าในประเทศจีนยังประสบปัญหาการระบาดของ COVID-19 หลังจากการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการ แต่ยังไม่สามารถระบายสินค้าและกลับมาเป็นปกติได้ แต่อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายสินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นจำนวน 8.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิ 8.2 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ลดลง 38.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 82.5 เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน