บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) โชว์ผลงานไตรมาส 1/2566 สะท้อนกลยุทธ์ที่วางไว้ก่อนหน้า มุ่งเน้นควบคุมคุณภาพสินเชื่อ บริหารจัดการต้นทุน และยกระดับบริการ ดันธุรกิจเติบโตแข็งแกร่งด้วยกำไรสุทธิ 955 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.9% จากไตรมาสก่อนหน้า ผลจากพอร์ตสินเชื่อขยายตัว และธุรกิจนายหน้าประกันภัยเติบโตอย่างโดดเด่น ขณะที่รักษาคุณภาพหนี้ NPLs อยู่ในระดับต่ำเพียง 1.5%
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (TIDLOR) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่วางไว้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งมุ่งสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เรามีดำเนินนโยบายพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น เราให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุน และปัจจุบันเริ่มเห็นต้นทุนด้านเครดิตและด้านอื่นๆมีแนวโน้มที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังคงเดินหน้านำเทคโนโลยีมาพัฒนาและยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งถือเป็นจุดแข็งและความแตกต่างระหว่างเรากับคู่แข่ง”
ด้านภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจนายหน้าประกันภัย ตอบรับเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และความไม่แน่นอนจากปัจจัยมหภาค โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 955 ล้านบาท เติบโต 16.9% จากไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในไตรมาส 1/2566 เพิ่มขึ้นเป็น 83,040 ล้านบาท เติบโต เติบโต 26.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความสำเร็จของบัตรติดล้อ (TIDLOR Card) ทั้งสำหรับรถมอเตอร์ไซด์และรถยนต์ โดยได้มีการออกบัตรติดล้อให้ลูกค้าแล้วกว่า 532,000 ใบ ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงการเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง มีค่าเบี้ยประกันวินาศภัยสูงถึง 2,070 ล้านบาทในไตรมาสที่ผ่านมา เติบโตเพิ่มขึ้น 28.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนับว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ไม่เกิน 5%
"บริษัทฯ ดำเนินนโยบายพิจารณาสินเชื่ออย่างรอบคอบตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราหนี้เสีย (NPL) ลดลงมาอยู่ที่ 1.5% ณ สิ้นไตรมาส 1 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมและคู่แข่ง รวมถึงยังคงอัตราการสำรองหนี้ไว้ในระดับสูงตามเดิม ขณะที่ต้นทุนทางการเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน เป็นไปตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และบริษัทติดล้อยังคงได้รับการจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง A ซึ่งส่งผลดีต่อต้นทุนทางการเงินในช่วงภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และถือเป็นอันดับที่สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรม" นายปิยะศักดิ์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ กล่าวว่า สำหรับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2566 บริษัทฯยังคงเดินหน้าเติบโตธุรกิจและส่งมอบผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมุ่งเน้นธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจนายหน้าประกันภัย พร้อมกับกลยุทธ์ปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ในการนำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ ทั้ง ‘บัตรติดล้อ’ (TIDLOR Card) แอพพลิเคชั่นเงินติดล้อ รวมถึงแฟลตฟอร์มอารีเกเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทั้งลูกค้าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและลูกค้าประกันภัย รวมถึงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับการบริการทั้งด้านสินเชื่อทะเบียนรถและนายหน้าประกันภัย เพื่อคงความเป็นผู้นำและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) (TIDLOR) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่วางไว้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ซึ่งมุ่งสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพ เรามีดำเนินนโยบายพิจารณาการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น เราให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการต้นทุน และปัจจุบันเริ่มเห็นต้นทุนด้านเครดิตและด้านอื่นๆมีแนวโน้มที่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังคงเดินหน้านำเทคโนโลยีมาพัฒนาและยกระดับคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้า ซึ่งถือเป็นจุดแข็งและความแตกต่างระหว่างเรากับคู่แข่ง”
ด้านภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจนายหน้าประกันภัย ตอบรับเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว แม้ว่าจะได้รับแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และความไม่แน่นอนจากปัจจัยมหภาค โดยบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 955 ล้านบาท เติบโต 16.9% จากไตรมาสก่อนหน้า
สำหรับพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถในไตรมาส 1/2566 เพิ่มขึ้นเป็น 83,040 ล้านบาท เติบโต เติบโต 26.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความสำเร็จของบัตรติดล้อ (TIDLOR Card) ทั้งสำหรับรถมอเตอร์ไซด์และรถยนต์ โดยได้มีการออกบัตรติดล้อให้ลูกค้าแล้วกว่า 532,000 ใบ ส่วนธุรกิจนายหน้าประกันภัยยังคงการเติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง มีค่าเบี้ยประกันวินาศภัยสูงถึง 2,070 ล้านบาทในไตรมาสที่ผ่านมา เติบโตเพิ่มขึ้น 28.2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งนับว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ไม่เกิน 5%
"บริษัทฯ ดำเนินนโยบายพิจารณาสินเชื่ออย่างรอบคอบตั้งแต่ช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้อัตราหนี้เสีย (NPL) ลดลงมาอยู่ที่ 1.5% ณ สิ้นไตรมาส 1 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมและคู่แข่ง รวมถึงยังคงอัตราการสำรองหนี้ไว้ในระดับสูงตามเดิม ขณะที่ต้นทุนทางการเงิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อน เป็นไปตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และบริษัทติดล้อยังคงได้รับการจัดอันดับเครดิตเรตติ้ง A ซึ่งส่งผลดีต่อต้นทุนทางการเงินในช่วงภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และถือเป็นอันดับที่สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรม" นายปิยะศักดิ์ กล่าว
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ กล่าวว่า สำหรับแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2566 บริษัทฯยังคงเดินหน้าเติบโตธุรกิจและส่งมอบผลการดำเนินงานตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมุ่งเน้นธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและธุรกิจนายหน้าประกันภัย พร้อมกับกลยุทธ์ปรับปรุงประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรม ในการนำเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มดิจิทัลมาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ ทั้ง ‘บัตรติดล้อ’ (TIDLOR Card) แอพพลิเคชั่นเงินติดล้อ รวมถึงแฟลตฟอร์มอารีเกเตอร์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทั้งลูกค้าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและลูกค้าประกันภัย รวมถึงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับการบริการทั้งด้านสินเชื่อทะเบียนรถและนายหน้าประกันภัย เพื่อคงความเป็นผู้นำและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน