จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ตลาดรถยนต์ฟื้นยอดขายปี 66แตะ9 แสนคัน หนุนรายได้ “Color” โต 10-15%
27 มกราคม 2566
ตลาดรถยนต์ปี 2566 ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง บริษัทโตโยต้าเชื่อยอดขายรถแตะ 900,000 คัน จากการเปิดประเทศทำให้กำลังซื้อในประเทศเพิ่มขึ้น และยังส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใช้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ หนุนรายได้ บมจ.สาลี่ คัลเล่อร์ (COLOR)ปีนี้โต10-15%
![รายงานพิเสษ ตลาดรถยนต์ฟื้นยอดขายปี 66 แตะ 9 แ.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/January/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A9%20%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%2066%20%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%B0%209%20%E0%B9%81.jpg)
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 900,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.0% โดยแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีนี้ จะยังคงกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมๆ กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด จากทิศทางที่ดีในการลดระดับโควิด-19 สู่โรคติดต่อเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้การดำเนินชีวิตผู้คนเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ พร้อมกับการเปิดประเทศส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่มีส่วนช่วยเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ ในขณะที่ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตก็จะค่อยๆ คลี่คลายลงเช่นกัน
ส่วนในปี 2565 ตัวเลขยอดขายรวมภายในประเทศ อยู่ที่ 849,388 คัน หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.9% แยกเป็น รถยนต์นั่ง 265,069 คัน เพิ่มขึ้น 5.3%, รถเพื่อการพาณิชย์ 584,319 คัน เพิ่มขึ้น 15.2%, รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 454,875 คัน เพิ่มขึ้น 15.6% และ รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 388,298 คัน เพิ่มขึ้น 13.7%
โดยมีปัจจัยบวกจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของภาครัฐ เพื่อช่วยสนับสนุนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และการส่งออกที่เริ่มเติบโตดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ตลอดจนสถานการณ์ของโควิด-19 ที่มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศของภาครัฐ รวมถึงการทยอยฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศมีส่วนช่วยให้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ดียิ่งขึ้น
ขณะที่ยังคงมีปัจจัยด้านลบอื่นๆที่ส่งผลกระทบอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ที่ยังคงยืดเยื้อส่งผลกระทบกับภาคการผลิตในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมถึงปัจจัยอื่นๆ จากสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม อาทิ ปัญหาด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศจากต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรืออยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ความผันผวนของสถานการณ์การเงินโลก ราคาพลังงานและวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและการส่งออก รวมถึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทย แต่ในภาพรวมแล้วยังถือว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีไปยังอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมหนังสัตว์ หรืออุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งบริษัทสาลี่ คัลเล่อร์ (COLOR) มีบริษัทในเครือทำธุรกิจเกี่ยวกับการใช้พลาสติกประกอบชิ้นส่วนในรถยนต์ ทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลดี จากตลาดรถยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และยังสอดคล้องกับมุมมอง “พีรพันธ์ จิวะพรทิพย์” กรรมการผู้จัดการ COLOR ที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 66 เติบโต 10-15% เป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจหลัก ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแพ็คเกจจิ้ง ชิ้นส่วนยานยนต์ และวัสดุที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง โดยทั้ง 3 กลุ่มอุตสาหกรรมยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยกดดันจากการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐและยุโรป แต่มองว่าตลาดเอเชียและตลาดในประเทศยังมีการเติบโตที่ดีทำให้ทดแทนตลาดที่ลดลงได้
![รายงานพิเสษ ตลาดรถยนต์ฟื้นยอดขายปี 66 แตะ 9 แ.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/January/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A9%20%E0%B8%95%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%B5%2066%20%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%B0%209%20%E0%B9%81.jpg)
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในปี 2566 จะอยู่ที่ 900,000 คัน หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6.0% โดยแนวโน้มอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปีนี้ จะยังคงกลับคืนสู่สภาวะปกติอย่างค่อยเป็นค่อยไปพร้อมๆ กับการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจโดยรวมทั้งหมด จากทิศทางที่ดีในการลดระดับโควิด-19 สู่โรคติดต่อเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้การดำเนินชีวิตผู้คนเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ พร้อมกับการเปิดประเทศส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่มีส่วนช่วยเพิ่มอุปสงค์ภายในประเทศ ในขณะที่ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตก็จะค่อยๆ คลี่คลายลงเช่นกัน
ส่วนในปี 2565 ตัวเลขยอดขายรวมภายในประเทศ อยู่ที่ 849,388 คัน หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 11.9% แยกเป็น รถยนต์นั่ง 265,069 คัน เพิ่มขึ้น 5.3%, รถเพื่อการพาณิชย์ 584,319 คัน เพิ่มขึ้น 15.2%, รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 454,875 คัน เพิ่มขึ้น 15.6% และ รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 388,298 คัน เพิ่มขึ้น 13.7%
โดยมีปัจจัยบวกจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของภาครัฐ เพื่อช่วยสนับสนุนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ และการส่งออกที่เริ่มเติบโตดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ตลอดจนสถานการณ์ของโควิด-19 ที่มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศของภาครัฐ รวมถึงการทยอยฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจากการเปิดประเทศมีส่วนช่วยให้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ดียิ่งขึ้น
ขณะที่ยังคงมีปัจจัยด้านลบอื่นๆที่ส่งผลกระทบอยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดัคเตอร์ที่ยังคงยืดเยื้อส่งผลกระทบกับภาคการผลิตในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก รวมถึงปัจจัยอื่นๆ จากสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม อาทิ ปัญหาด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศจากต้นทุนการขนส่งสินค้าทางเรืออยู่ในระดับสูง อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ความผันผวนของสถานการณ์การเงินโลก ราคาพลังงานและวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
ส่งผลโดยตรงต่อต้นทุนการผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่ายทั้งภายในประเทศและการส่งออก รวมถึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่มีต่อเศรษฐกิจไทย แต่ในภาพรวมแล้วยังถือว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น
อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีไปยังอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องอื่นๆ เช่น อุตสาหกรรมหนังสัตว์ หรืออุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งบริษัทสาลี่ คัลเล่อร์ (COLOR) มีบริษัทในเครือทำธุรกิจเกี่ยวกับการใช้พลาสติกประกอบชิ้นส่วนในรถยนต์ ทำให้บริษัทเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลดี จากตลาดรถยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และยังสอดคล้องกับมุมมอง “พีรพันธ์ จิวะพรทิพย์” กรรมการผู้จัดการ COLOR ที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 66 เติบโต 10-15% เป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจหลัก ที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแพ็คเกจจิ้ง ชิ้นส่วนยานยนต์ และวัสดุที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง โดยทั้ง 3 กลุ่มอุตสาหกรรมยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัจจัยกดดันจากการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐและยุโรป แต่มองว่าตลาดเอเชียและตลาดในประเทศยังมีการเติบโตที่ดีทำให้ทดแทนตลาดที่ลดลงได้