บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ตอกย้ำความสำเร็จในฐานะผู้นำตลาดสีทาอาคารและวัสดุก่อสร้างครบวงจรด้วยยอดขายไตรมาส 1 ปี 2566 เป็นเงิน 5,654 บาท ทุบสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ และกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เป็นเงิน 632 ล้านบาท เติบโตขึ้น 54%

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า ยอดขายไตรมาส 1 ปี 2566 เป็นเงิน 5,654 ล้านบาท โดยเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 14% ซึ่งมาจากการเติบโตของทุกช่องทางการขายภายในประเทศ โดยเฉพาะการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจสีทาอาคาร ที่มาจากปริมาณความต้องการใช้สีที่เพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ยอดขายเติบโตสุดแกร่งด้วยตัวเลขสองหลัก เสริมด้วยรายได้จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และยิปซั่มบอร์ดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2566 ยังสูงถึง 632 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 54% เนื่องจากราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตอื่นๆ มีการปรับลดราคาลง และค่าเงินบาทที่ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นของบริษัท
ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินเฟ้อ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการชะลอตัวของการส่งออก ยังคงเป็นปัจจัยความเสี่ยงต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจไทยอีกด้วย
นายจตุภัทร์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร การดำเนินธุรกิจบนหลักธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของ TOA สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจและเติบโตอย่างมั่นคง

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า ยอดขายไตรมาส 1 ปี 2566 เป็นเงิน 5,654 ล้านบาท โดยเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 14% ซึ่งมาจากการเติบโตของทุกช่องทางการขายภายในประเทศ โดยเฉพาะการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในกลุ่มธุรกิจสีทาอาคาร ที่มาจากปริมาณความต้องการใช้สีที่เพิ่มขึ้น การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและภาคอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ยอดขายเติบโตสุดแกร่งด้วยตัวเลขสองหลัก เสริมด้วยรายได้จากธุรกิจเคมีภัณฑ์ก่อสร้าง และยิปซั่มบอร์ดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 1 ปี 2566 ยังสูงถึง 632 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 54% เนื่องจากราคาวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตอื่นๆ มีการปรับลดราคาลง และค่าเงินบาทที่ปรับแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน ประกอบกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นของบริษัท
ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทฯ จะได้รับประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม อันเนื่องมาจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ภาวะเงินเฟ้อ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย และการชะลอตัวของการส่งออก ยังคงเป็นปัจจัยความเสี่ยงต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจไทยอีกด้วย
นายจตุภัทร์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าอย่างครบวงจร การดำเนินธุรกิจบนหลักธรรมาภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน จะเสริมสร้างความยืดหยุ่นและความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของ TOA สามารถคว้าโอกาสทางธุรกิจและเติบโตอย่างมั่นคง
ยอดนิยม

VIH ซื้อหุ้นคืน 26.66 ล้านหุ้น ใช้เงินสดส่วนเกิน ยืนยันไม่เกี่ยวเงินเพิ่มทุน สาเหตุราคาหุ้นไม่สะท้อนปัจจัยพื้นฐาน ตั้งเป้าทำนิวไฮใหม่ปีนี้

13 มีนาคมนี้!!! ผู้ถือหุ้น MC รับเงินปันผลบานฉ่ำ !!!
.jpg)
“นิปปอนเพนต์” ก้าวล้ำวงการสีด้วยพลัง AI! ส่งสุดยอดแพ็กคู่โซลูชัน “น้องนิปปอน” และ “Colour Design”

เบเยอร์ เขย่าวงการธุรกิจสีทาอาคาร สำเร็จเจ้าแรก! ใช้เทคโนโลยีล้ำ AI OCR อ่านบิลเขียนมือได้ รันแคมเปญใหญ่ "ลดเดือดรับ Summer แจกไม่ยั้ง!"
