บมจ.อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ ITTHI โชว์งบโค้งแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 4.03 ลบ. โต 214% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 51.93 ลบ.เพิ่มขึ้น 28.25% ผลจากภาพรวมของธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่อนคลายลง ทำให้บริษัทควบคุมต้นทุนสินค้า และสามารถวางแผนการสั่งซื้อและการขนส่งได้ดีขึ้น หลังเข้าตลาดเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมเดินหน้าขยายฐานลูกค้า ชูสินค้านวัตกรรมเจาะตลาดลูกค้าภาครัฐต่อเนื่อง ดันองค์กรติดสปีดการเติบโตแข็งแกร่ง ตั้งธงรายได้โตมากกว่า 30%
นายธนเสฏฐ์ อัครบุญญาพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ITTHI) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 51.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.25 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 ซึ่งมีสาเหตุมาจากแนวโน้มภาพรวมของธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่อนคลายลง ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้หลักจากการจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 73.78 - 99.24 ของรายได้รวม
มีกำไรสุทธิจำนวน 4.03 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 7.70 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน 2.75 ล้านบาท หรือคิดเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 213.96 มีสาเหตุสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มธุรกิจสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตามแนวโน้มของภาพรวมของธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่อนคลายลง ส่งผลให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนของสินค้าในเรื่องการวางแผนการสั่งซื้อและการขนส่งได้ดีขึ้น เป็นหลัก
โดยแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 30% โดยลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ 70-80% กลุ่มลูกค้ารายย่อย 10% กลุ่มลูกค้าขายส่ง 8% และกลุ่มลูกค้าราชการ 4% ซึ่งกลุ่มลูกค้าราชการ ได้เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 4/65 ที่ผ่านมา และคาดว่าปี 66 จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รับปัจจัยบวกที่ทางบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนสินค้านวัตกรรม ซึ่งทำให้มีโอกาสและความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในการเจาะตลาดลูกค้าภาครัฐมากขึ้น
"หลังจากบริษัทได้เงินระดมทุนในช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมนำไปขยายฐานลูกค้ารองรับการเติบโต ทั้งในส่วนราชการ และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของเราเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มองว่าปีนี้ภาพรวมตลาดอสังหาฯจะเติบโตประมาณ 30-40% เชื่อว่ารายได้ของ ITTHI ปีนี้จะสามารถโตได้มากกว่า 30%" นายธนเสฏฐ์ กล่าว
นายธนเสฏฐ์ อัครบุญญาพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิทธิฤทธิ์ ไนซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ITTHI) เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในงวดไตรมาส 1/2566 บริษัทมีรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 51.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.25 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 ซึ่งมีสาเหตุมาจากแนวโน้มภาพรวมของธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่อนคลายลง ทั้งนี้ บริษัทมีรายได้หลักจากการจัดจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสัดส่วนประมาณร้อยละ 73.78 - 99.24 ของรายได้รวม
มีกำไรสุทธิจำนวน 4.03 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 7.70 เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 2565 จำนวน 2.75 ล้านบาท หรือคิดเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 213.96 มีสาเหตุสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากกลุ่มธุรกิจสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ตามแนวโน้มของภาพรวมของธุรกิจกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ที่ผ่อนคลายลง ส่งผลให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนของสินค้าในเรื่องการวางแผนการสั่งซื้อและการขนส่งได้ดีขึ้น เป็นหลัก
โดยแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 30% โดยลูกค้าของบริษัทเป็นกลุ่มลูกค้าโครงการอสังหาริมทรัพย์ 70-80% กลุ่มลูกค้ารายย่อย 10% กลุ่มลูกค้าขายส่ง 8% และกลุ่มลูกค้าราชการ 4% ซึ่งกลุ่มลูกค้าราชการ ได้เห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ไตรมาส 4/65 ที่ผ่านมา และคาดว่าปี 66 จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รับปัจจัยบวกที่ทางบริษัทได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนสินค้านวัตกรรม ซึ่งทำให้มีโอกาสและความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในการเจาะตลาดลูกค้าภาครัฐมากขึ้น
"หลังจากบริษัทได้เงินระดมทุนในช่วงต้นปีที่ผ่านมา พร้อมนำไปขยายฐานลูกค้ารองรับการเติบโต ทั้งในส่วนราชการ และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ โดยฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของเราเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มองว่าปีนี้ภาพรวมตลาดอสังหาฯจะเติบโตประมาณ 30-40% เชื่อว่ารายได้ของ ITTHI ปีนี้จะสามารถโตได้มากกว่า 30%" นายธนเสฏฐ์ กล่าว