เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 17-05-23
17-05-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ระยะนี้ต้องเกาะติดเรื่องการเมืองกันเยอะหน่อย เพราะทุกย่างก้าวส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั้งสิ้น ตอนนี้มีประเด็นที่กลับมาสร้างความกังวลให้กับ SET Index อยู่ 2 ส่วน เริ่มจาก กระบวนการในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องเป็นคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ของรัฐสภา หรือไม่น้อยกว่า 376 เสียง หมายความว่าต้องมีเสียงบางส่วนของ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ส.พรรคที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล เข้ามาช่วยโหวตสนับสนุน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยาก และหากมองในกรอบเวลาที่เหลืออีกราว 2 เดือน ก่อนที่จะเปิด สมัยประชุมรัฐสภา ทำให้มีโอกาสที่จะเห็นกระแสที่แกว่งไปมา และนำมาซึ่งความ ผันผวน
***ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเป็นแรงกดดันที่เกิดขึ้นกับหุ้นที่อาจเสียประโยชน์จาก แนวนโยบายของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นหุ้น Market Cap ใหญ่หลายตัว ประเมินว่าการเคลื่อนไหวของ SET Index น่าจะมีความผันผวนต่างจากที่เราเคย คิดไว้ก่อนหน้า นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น
***ด้านกูรูหุ้นอีกค่ายให้ความเห็นว่ามีโอกาสสูงที่จะเห็นการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลใหม่ โดยพรรคก้าวไกลประกาศความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้านเดิม คือ พรรคก้าวไกล + เพื่อไทย ประชาชาติ + ไทยสร้างไทย และ เสรีรวมไทย รวมแล้ว 308 เสียง (307 – 370 เสียง) ถือเป็นภาพบวกในส่วนการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆใน ระยะกลาง-ยาว
***อิงสถิติ SET มักบวกหลังการเลือกตั้งราว 1สัปดาห์ - 1เดือน เฉลี่ยราว 2.77% โดยมีแรงหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ต่างชาติและสถาบัน หลังจากนั้นจะอิงพัฒนาการจัดตั้ง รัฐบาลที่จะมีผลต่อเรื่องการอนุมัติงบประมาณประจำปี 2024 และความเชื่อมั่นต่อทีมเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งมอบ นโยบายที่กำหนดไว้ได้จริงเป็นหลัก
*** อ้างอิงนโยบายเศรษฐกิจของพรรคแกนน ารัฐบาล คือ พรรค ก้าวไกล โดยนโยบายหลักๆ ตามที่หาเสียงไว้ก่อนหน้า คาดจะเกิดขึ้นในช่วง 4 ปีข้างหน้าหลักๆ คือ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ เป็น 450 บาท, ประกันสังคมถ้วนหน้า เจ็บป่วยได้เงินชดเชย, ค่าเดินทางหาหมอ, เรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับส่ง, คูปองเปิด โลก, หวยใบเสร็จ (SME), ปฏิรูประบบราชการ เพิ่ม ประสิทธิภาพใช้เทคโนโลยีมาช่วย, ลดค่าไฟทันที 70 สตางค์/ หน่วย, ปักธงไทยในอุสาหกรรมชิป
***นโยบายการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็นปัจจัยลบต่อกลุ่ม โรงแรม, รับเหมา, ร้านอาหารและอสังหาฯ ขณะที่กลุ่มเช่าซื้อ, เครื่องดื่มชูกำลัง, กลุ่มบริหารหนี้ และ Digital Tech Consult ได้รับอานิสงส์บวก IMPACT การปรับเพิ่มค่าแรงต่อกำไรตลาด : การปรับขึ้นค่าแรงจะกระทบกำไรตลาดในปี 2024F โดย EPS 2024F ที่คาดการณ์ไว้ 101.5บาทต่อหุ้น จะลดลง ไม่เกิน 1.0 บาท ทั้งนี้ กรณีเลวร้าย ให้การปรับเพิ่มค่าแรงตามนโยบายพรรคก้าวไกลเป็นการปรับขึ้นครั้งเดียว จะคิดเป็นเม็ดเงินสร้างผลกระทบราว -7.7 พันล้านบาท แต่มีโอกาส กระทบน้อยกว่าคาด จากการส่งผ่านต้นทุนและอำนาจซื้อเพิ่ม
***นโยบายสวัสดิการสังคมถ้วนหน้าคาดจะบวกต่อ มองบวกต่อ เช่าซื้อ,เครื่องดื่มชูกำลังและค้าปลีก รพ.
***นโยบายหวยใบเสร็จคาดจะบวกต่อ (+) เช่าซื้อ, AMC, บัตร เครดิต, เครื่องดื่มชูกำลังและค้าปลีก รวมถึงกลุ่มธนาคารที่มีฐานลูกค้ากลุ่มองค์กร
***นโยบายปฎิรูประบบราชการปรับปรุงกฎหมายแข่งขันทางการค้าทลายทุนผูกขาด ประเมินจะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ ลดภาระรายจ่ายประจำของประเทศคาดจะบวก(+) ต่อหุ้น ในกลุ่ม Digital Tech Consult ในทางตรงข้ามจะสร้างจิตวิทยาลบ (-) ต่ออุตสาหกรรมที่มีผู้ประกอบการน้อยราย
***นโยบายลดค่าไฟทันที 70 สตางค์/หน่วยและการปรับโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าในประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น ประเมินจะกระทบ (-) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าต่อแนวโน้มที่ ตลาดประเมินไว้เดิมในระยะกลาง-ยาว
***นโยบายปักธงไทยในอุตสาหกรรมชิป ประเมินจะเปิด GDP Upside และบวกต่อหุ้นในกลุ่มนิคมฯ และชิ้นส่วน
***นโยบายพลังงานสะอาด อาทิ กำหนดเพดานปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม การปรับรถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด ประเมินเป็นบวกต่อกลุ่ม EV Ecosystem หรือกลุ่มที่มีการเตรียมพร้อมในเรื่องคาร์บอนเครดิต
***หากนโยบายต่างๆขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริง เชื่อว่าจะนำมาสู่ความเชื่อมั่นตลาดเพิ่มขึ้น และช่วยต่อยอดฐานกำไร ตลาดงวดไตรมาสแรกปีนี้ที่ทำได้ดี คาดหวังระดับเกิน 2.7-2.8 แสน ล้านบาท เร่งขึ้นในช่วงที่เหลือของปี หนุนกำไรตลาดทั้งปีนี้ที่ 101.5 บาท ยังเชื่อเป็นไปได้ อิง ERP เท่าค่าเฉลี่ย 3.35% ยังคงเป้าหมาย SET Index ปีนี้ที่ 1768จุด
***Strategy: ในเชิงกลยุทธ์มองชุดหุ้นน่าเก็งกำไร อิงเกณฑ์สถิติ ผลตอบแทนดี ความน่าจะเป็นสูง ปัจจุบันมีพื้นฐานน่าสนใจ ผสานกลุ่มที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากนโยบายแกนนำพรรคก้าวไกลที่ เน้นไปในเรื่องรัฐสวัสดิการ (เพิ่มกำลังซื้อประชาชน) การสนับสนุน ธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก และการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ คือ BBL, ADVANC, CRC, SAWAD, GLOBAL, OSP, MC, TOA, ICHI, AEONTS, KBANK
17-05-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***ระยะนี้ต้องเกาะติดเรื่องการเมืองกันเยอะหน่อย เพราะทุกย่างก้าวส่งผลกระทบต่อการลงทุนทั้งสิ้น ตอนนี้มีประเด็นที่กลับมาสร้างความกังวลให้กับ SET Index อยู่ 2 ส่วน เริ่มจาก กระบวนการในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องเป็นคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ของรัฐสภา หรือไม่น้อยกว่า 376 เสียง หมายความว่าต้องมีเสียงบางส่วนของ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ส.พรรคที่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล เข้ามาช่วยโหวตสนับสนุน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยาก และหากมองในกรอบเวลาที่เหลืออีกราว 2 เดือน ก่อนที่จะเปิด สมัยประชุมรัฐสภา ทำให้มีโอกาสที่จะเห็นกระแสที่แกว่งไปมา และนำมาซึ่งความ ผันผวน
***ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเป็นแรงกดดันที่เกิดขึ้นกับหุ้นที่อาจเสียประโยชน์จาก แนวนโยบายของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นหุ้น Market Cap ใหญ่หลายตัว ประเมินว่าการเคลื่อนไหวของ SET Index น่าจะมีความผันผวนต่างจากที่เราเคย คิดไว้ก่อนหน้า นักลงทุนต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น
***ด้านกูรูหุ้นอีกค่ายให้ความเห็นว่ามีโอกาสสูงที่จะเห็นการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลใหม่ โดยพรรคก้าวไกลประกาศความพร้อมในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้านเดิม คือ พรรคก้าวไกล + เพื่อไทย ประชาชาติ + ไทยสร้างไทย และ เสรีรวมไทย รวมแล้ว 308 เสียง (307 – 370 เสียง) ถือเป็นภาพบวกในส่วนการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆใน ระยะกลาง-ยาว
***อิงสถิติ SET มักบวกหลังการเลือกตั้งราว 1สัปดาห์ - 1เดือน เฉลี่ยราว 2.77% โดยมีแรงหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ต่างชาติและสถาบัน หลังจากนั้นจะอิงพัฒนาการจัดตั้ง รัฐบาลที่จะมีผลต่อเรื่องการอนุมัติงบประมาณประจำปี 2024 และความเชื่อมั่นต่อทีมเศรษฐกิจ รวมถึงการส่งมอบ นโยบายที่กำหนดไว้ได้จริงเป็นหลัก
*** อ้างอิงนโยบายเศรษฐกิจของพรรคแกนน ารัฐบาล คือ พรรค ก้าวไกล โดยนโยบายหลักๆ ตามที่หาเสียงไว้ก่อนหน้า คาดจะเกิดขึ้นในช่วง 4 ปีข้างหน้าหลักๆ คือ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ เป็น 450 บาท, ประกันสังคมถ้วนหน้า เจ็บป่วยได้เงินชดเชย, ค่าเดินทางหาหมอ, เรียนฟรี อาหารฟรี มีรถรับส่ง, คูปองเปิด โลก, หวยใบเสร็จ (SME), ปฏิรูประบบราชการ เพิ่ม ประสิทธิภาพใช้เทคโนโลยีมาช่วย, ลดค่าไฟทันที 70 สตางค์/ หน่วย, ปักธงไทยในอุสาหกรรมชิป
***นโยบายการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็นปัจจัยลบต่อกลุ่ม โรงแรม, รับเหมา, ร้านอาหารและอสังหาฯ ขณะที่กลุ่มเช่าซื้อ, เครื่องดื่มชูกำลัง, กลุ่มบริหารหนี้ และ Digital Tech Consult ได้รับอานิสงส์บวก IMPACT การปรับเพิ่มค่าแรงต่อกำไรตลาด : การปรับขึ้นค่าแรงจะกระทบกำไรตลาดในปี 2024F โดย EPS 2024F ที่คาดการณ์ไว้ 101.5บาทต่อหุ้น จะลดลง ไม่เกิน 1.0 บาท ทั้งนี้ กรณีเลวร้าย ให้การปรับเพิ่มค่าแรงตามนโยบายพรรคก้าวไกลเป็นการปรับขึ้นครั้งเดียว จะคิดเป็นเม็ดเงินสร้างผลกระทบราว -7.7 พันล้านบาท แต่มีโอกาส กระทบน้อยกว่าคาด จากการส่งผ่านต้นทุนและอำนาจซื้อเพิ่ม
***นโยบายสวัสดิการสังคมถ้วนหน้าคาดจะบวกต่อ มองบวกต่อ เช่าซื้อ,เครื่องดื่มชูกำลังและค้าปลีก รพ.
***นโยบายหวยใบเสร็จคาดจะบวกต่อ (+) เช่าซื้อ, AMC, บัตร เครดิต, เครื่องดื่มชูกำลังและค้าปลีก รวมถึงกลุ่มธนาคารที่มีฐานลูกค้ากลุ่มองค์กร
***นโยบายปฎิรูประบบราชการปรับปรุงกฎหมายแข่งขันทางการค้าทลายทุนผูกขาด ประเมินจะเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ ลดภาระรายจ่ายประจำของประเทศคาดจะบวก(+) ต่อหุ้น ในกลุ่ม Digital Tech Consult ในทางตรงข้ามจะสร้างจิตวิทยาลบ (-) ต่ออุตสาหกรรมที่มีผู้ประกอบการน้อยราย
***นโยบายลดค่าไฟทันที 70 สตางค์/หน่วยและการปรับโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าในประเทศให้มีประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น ประเมินจะกระทบ (-) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าต่อแนวโน้มที่ ตลาดประเมินไว้เดิมในระยะกลาง-ยาว
***นโยบายปักธงไทยในอุตสาหกรรมชิป ประเมินจะเปิด GDP Upside และบวกต่อหุ้นในกลุ่มนิคมฯ และชิ้นส่วน
***นโยบายพลังงานสะอาด อาทิ กำหนดเพดานปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม การปรับรถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด ประเมินเป็นบวกต่อกลุ่ม EV Ecosystem หรือกลุ่มที่มีการเตรียมพร้อมในเรื่องคาร์บอนเครดิต
***หากนโยบายต่างๆขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้จริง เชื่อว่าจะนำมาสู่ความเชื่อมั่นตลาดเพิ่มขึ้น และช่วยต่อยอดฐานกำไร ตลาดงวดไตรมาสแรกปีนี้ที่ทำได้ดี คาดหวังระดับเกิน 2.7-2.8 แสน ล้านบาท เร่งขึ้นในช่วงที่เหลือของปี หนุนกำไรตลาดทั้งปีนี้ที่ 101.5 บาท ยังเชื่อเป็นไปได้ อิง ERP เท่าค่าเฉลี่ย 3.35% ยังคงเป้าหมาย SET Index ปีนี้ที่ 1768จุด
***Strategy: ในเชิงกลยุทธ์มองชุดหุ้นน่าเก็งกำไร อิงเกณฑ์สถิติ ผลตอบแทนดี ความน่าจะเป็นสูง ปัจจุบันมีพื้นฐานน่าสนใจ ผสานกลุ่มที่มีแนวโน้มได้ประโยชน์จากนโยบายแกนนำพรรคก้าวไกลที่ เน้นไปในเรื่องรัฐสวัสดิการ (เพิ่มกำลังซื้อประชาชน) การสนับสนุน ธุรกิจขนาดกลาง-เล็ก และการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ คือ BBL, ADVANC, CRC, SAWAD, GLOBAL, OSP, MC, TOA, ICHI, AEONTS, KBANK