จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : SSP กำไรฟื้นตัว โบรกฯคาด Q2 โตต่อเนื่อง เข้า high season
17 พฤษภาคม 2566
ผลงานไตรมาส1/66 บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) ผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด ปรับตัวดีขึ้น โบรกฯคาดต่อเนื่องถึงไตรมาส2 ซึ่งเป็นช่วง high season แนะนำ “ซื้อ”
![รายงานพิเศษ SSP.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/May/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%20SSP.jpg)
บล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้นบริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) โดยระบุว่า กำไรปกติ 1Q23E ฟื้นตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล บริษัทประกาศกำไรสุทธิ1Q23 ที่ 256 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติอยู่ที่ 267 ล้านบาท (-10% YoY, +48% QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราประเมิน โดย YoY ลดลงจากดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น (+29% YoY) จากการปิด project finance โครงการลมเวียดนามใน 4Q22และรายได้ที่หายไปหลังการขายโครงการ Hidaka15MW ใน 2Q22 แต่ได้รับชดเชยบางส่วนจากการรับรู้โครงการร่มเกล้าวินฟาร์ม 11MW เต็มไตรมาส
ส่วน QoQ เพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโซลาร์มีผลการดำเนินการที่ดีขึ้น +41% QoQ และ +2% QoQ ตามลำดับ ส่งผลให้โดยรวมมีรายได้ 761 ล้านบาท (-11% YoY, +9% QoQ) และ GPM ที่ 59% (ทรงตัว YoY, +7ppt QoQ)
ดังนั้นบริษัทจึงคงประมาณการกำไรปกติปี 2023E หนุนโดยกำลังการผลิตใหม่ เบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2023E ที่ 1.1 พันล้านบาท (+10% YoY) (กำไร 1Q23 คิดเป็น 23% ของประมาณการดังกล่าว) โดย key driver ในช่วงที่เหลือเป็นการรับรู้รายได้เต็มปีโครงการร่มเกล้าวินฟาร์ม 11Mwe และ Solar rooftop ซึ่งจะทยอย COD ในปี 2023E อีกราว 18 MW ในขณะที่แนวโน้ม 2Q23E คาดกำไรปกติยังเติบโตได้ QoQ จากปัจจัยฤดูกาลโรงไฟฟ้า Solar เข้าช่วง high season
โดยให้ราคาเป้าหมาย 14.00 บาท อิงวิธี DCF (average WACC 5.0%, terminal growth 0%) ทั้งนี้ key catalyst คือการได้โครงการใหม่มาพัฒนาเพิ่มเติมจาก active investment ของบริษัททั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะโอกาสได้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติมในไทย 3.6GW และแผน Master plan 8 ของเวียดนามจะทำให้มี potential projects ออกสู่ตลาดอีกมาก
ขณะที่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์” คาดแนวโน้มผลดำเนินงานในปี2566นี้ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน และบริษัทฯยังมองหาโอกาสเพื่อเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆในประเทศ ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำ M&A ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปิดดิล ซึ่งจะช่วยสนับสนุน ทำให้พอร์ตกำลังผลิตเติบโตเท่าตัวในอีก 3 ปี สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต22เมกะวัตต์ มั่นใจว่าจะสามารถเริ่มพัฒนาโครงการได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2566 ได้ตามแผนที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หลังจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จได้โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบFeed-in Tariff (FiT) จำนวน 170.5 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ บริษัทฯกำลังศึกษาและเตรียมความพร้อม สำหรับเข้าประมูลการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมตามที่กกพ.ได้ประกาศออกมา ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ 2,632 เมกะวัตต์ พลังงานลม 1,000 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) 6.5 เมกะวัตต์ และขยะอุตสาหกรรม 30 เมกะวัตต์ คิดเป็นปริมาณรับซื้อเพิ่มเติมรวม 3,668.5 เมกะวัตต์ เพื่อขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดประเภทอื่นๆ
ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่ง รองรับแผนการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewableทุกรูปแบบ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานแล้ว 236 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายในอีก 3 ปี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็นเท่าตัวทะลุ 500 เมกะวัตต์ โดยมีสัดส่วนจากแหล่งพลังงานใหม่ๆ เช่น พลังงานลม หรือ ชีวมวล เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
![รายงานพิเศษ SSP.jpg](https://www.share2trade.com/storage/PressIOS/2023/May/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9%20SSP.jpg)
บล.ดาโอ วิเคราะห์หุ้นบริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น (SSP) โดยระบุว่า กำไรปกติ 1Q23E ฟื้นตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาล บริษัทประกาศกำไรสุทธิ1Q23 ที่ 256 ล้านบาท อย่างไรก็ตามหากตัดรายการพิเศษออก กำไรปกติอยู่ที่ 267 ล้านบาท (-10% YoY, +48% QoQ) ใกล้เคียงกับที่เราประเมิน โดย YoY ลดลงจากดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้น (+29% YoY) จากการปิด project finance โครงการลมเวียดนามใน 4Q22และรายได้ที่หายไปหลังการขายโครงการ Hidaka15MW ใน 2Q22 แต่ได้รับชดเชยบางส่วนจากการรับรู้โครงการร่มเกล้าวินฟาร์ม 11MW เต็มไตรมาส
ส่วน QoQ เพิ่มขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานลมและโซลาร์มีผลการดำเนินการที่ดีขึ้น +41% QoQ และ +2% QoQ ตามลำดับ ส่งผลให้โดยรวมมีรายได้ 761 ล้านบาท (-11% YoY, +9% QoQ) และ GPM ที่ 59% (ทรงตัว YoY, +7ppt QoQ)
ดังนั้นบริษัทจึงคงประมาณการกำไรปกติปี 2023E หนุนโดยกำลังการผลิตใหม่ เบื้องต้นเรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2023E ที่ 1.1 พันล้านบาท (+10% YoY) (กำไร 1Q23 คิดเป็น 23% ของประมาณการดังกล่าว) โดย key driver ในช่วงที่เหลือเป็นการรับรู้รายได้เต็มปีโครงการร่มเกล้าวินฟาร์ม 11Mwe และ Solar rooftop ซึ่งจะทยอย COD ในปี 2023E อีกราว 18 MW ในขณะที่แนวโน้ม 2Q23E คาดกำไรปกติยังเติบโตได้ QoQ จากปัจจัยฤดูกาลโรงไฟฟ้า Solar เข้าช่วง high season
โดยให้ราคาเป้าหมาย 14.00 บาท อิงวิธี DCF (average WACC 5.0%, terminal growth 0%) ทั้งนี้ key catalyst คือการได้โครงการใหม่มาพัฒนาเพิ่มเติมจาก active investment ของบริษัททั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะโอกาสได้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนเพิ่มเติมในไทย 3.6GW และแผน Master plan 8 ของเวียดนามจะทำให้มี potential projects ออกสู่ตลาดอีกมาก
ขณะที่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP “วรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์” คาดแนวโน้มผลดำเนินงานในปี2566นี้ ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผน และบริษัทฯยังมองหาโอกาสเพื่อเข้าไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆในประเทศ ฟิลิปปินส์ และไต้หวัน รวมถึงการใช้กลยุทธ์ทำ M&A ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาปิดดิล ซึ่งจะช่วยสนับสนุน ทำให้พอร์ตกำลังผลิตเติบโตเท่าตัวในอีก 3 ปี สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ LEO 2ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต22เมกะวัตต์ มั่นใจว่าจะสามารถเริ่มพัฒนาโครงการได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2566 ได้ตามแผนที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ หลังจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จได้โครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบFeed-in Tariff (FiT) จำนวน 170.5 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ บริษัทฯกำลังศึกษาและเตรียมความพร้อม สำหรับเข้าประมูลการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมตามที่กกพ.ได้ประกาศออกมา ประกอบด้วย พลังงานแสงอาทิตย์ 2,632 เมกะวัตต์ พลังงานลม 1,000 เมกะวัตต์ ก๊าซชีวภาพ (น้ำเสีย/ของเสีย) 6.5 เมกะวัตต์ และขยะอุตสาหกรรม 30 เมกะวัตต์ คิดเป็นปริมาณรับซื้อเพิ่มเติมรวม 3,668.5 เมกะวัตต์ เพื่อขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดประเภทอื่นๆ
ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีฐานะทางการเงินที่มีความแข็งแกร่ง รองรับแผนการขยายพอร์ตโรงไฟฟ้า Renewableทุกรูปแบบ โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เปิดดำเนินงานแล้ว 236 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายในอีก 3 ปี มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็นเท่าตัวทะลุ 500 เมกะวัตต์ โดยมีสัดส่วนจากแหล่งพลังงานใหม่ๆ เช่น พลังงานลม หรือ ชีวมวล เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น