จับประเด็นหุ้นเด่น

รายงานพิเศษ : รถยนต์พลังงานไฟฟ้าหนุน NEX ผลงานโตทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์


18 พฤษภาคม 2566
กระแสการตอบรับและการเติบโตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า  เป็นเทรนด์ทิศทางของธุรกิจทั่วโลก  ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ หรือ NEX  สะท้อนจากผลงานที่พลิกจากขาดทุนเป็นกำไรโตเกือบ 500% ในไตรมาสแรกปีนี้
รายงานพิเศษ NEX.jpg
SCB EIC  ระบุว่า การขนส่งสินค้าทางถนนเป็นอีกหนึ่งกลุ่มสำคัญที่ต้องเร่งปรับตัวเพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนและก้าวสู่ Net zero จากข้อมูลขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) พบว่า ในปี 2019 ภาคขนส่งมีการปล่อยก๊าซ CO2 สูงเป็นอันดับ 3 รองจากภาคพลังงานและภาคอุตสาหกรรม และหากคิดเฉพาะการขนส่งสินค้าทางถนนจะมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซ CO2 ถึงราว 30% ของภาคขนส่ง   ซึ่งวิธีที่คาดว่าจะมีประสิทธิภาพดีที่สุดภายใต้เทคโนโลยีปัจจุบันคงหนีไม่พ้นการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (Electrical vehicle : EV)
ซึ่งภาคขนส่งควรเริ่มวางแผนนำรถ EV มาใช้ขนส่งสินค้ามากขึ้น จากปัจจัยสนับสนุนใน 4 ด้านสำคัญ ได้แก่ 
1. นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม จากแผนปฏิบัติการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศสาขาคมนาคมขนส่งตามที่ไทยเข้าร่วมความตกลงปารีส ประกอบกับกระแสรักษ์โลก และปัญหาฝุ่นมลพิษที่ผลักดันให้ภาคขนส่งเริ่มวางแผนลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยการใช้รถ EV ซึ่งนอกจากจะช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์โดยตรงของผู้ประกอบการขนส่งในขอบเขตที่ 1 แล้ว ยังสามารถช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ทางอ้อมแก่ผู้ประกอบการในธุรกิจอื่น ๆ ที่มีการขนส่งใน Value chain ภายใต้ขอบเขตที่ 3 
2. นโยบายส่งเสริมการใช้รถ EV จากภาครัฐ ภายใต้นโยบาย 30@30 (การตั้งเป้าผลิตรถ ZEV สัดส่วน 30% จากทั้งหมดในปี 2030) ด้วยการออกมาตรการลดภาษีพร้อมให้เงินอุดหนุนในการซื้อรถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถกระบะและมอเตอร์ไซค์ 
3. การพัฒนาเทคโนโลยีและความคุ้มทุน จากสมรรถนะรถ EV ขนส่งสินค้าที่พัฒนาขึ้น ราคาแบตเตอรี่ที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน และมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ ได้ส่งผลให้การใช้ EV มีความเป็นไปได้เชิงพาณิชย์มากขึ้น
4. Product availability โดยตัวเลือกที่หลากหลายในตลาดมีส่วนสำคัญ ที่ทำให้รถ EV สำหรับขนส่งผู้โดยสารได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ขณะที่รถ EV สำหรับขนส่งสินค้ายังมีตัวเลือกน้อย แต่ก็มีค่ายรถหลายเจ้าทั้งค่ายรถต่างชาติจากจีน ญี่ปุ่น หรือไทยเองที่กำลังพัฒนาเทคโนโลยีและเตรียมออกขาย/กำลังจะขายรถ EV ขนส่งสินค้าอีกหลายรุ่นเร็ว ๆ นี้ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์, รถกระบะ, รถบรรทุก 6 ล้อ รถบรรทุก 10 ล้อ และรถหัวลาก
อนาคตของรถ EV ในภาคการขนส่งที่มีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมากในอนาคตต  จึงเป็นโอกาสของ บมจ.เน็กซ์ พอยท์ หรือ NEX ที่ผลิตและจำหน่ายยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์  ที่ผลงานจะอยู่ในทิศทางขาขึ้นตามเทรนด์ของโลก   สะท้อนจากผลการดำเนินงาน ซึ่งบริษัท แจ้งตลท. ไตรมาสแรกของปี 2566  บริษัทพลิกทำกำไร 152.09 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 442.37% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 65 ที่ขาดทุน 62.75 ล้านบาท  ส่วนใหญ่มาจากกำไรขั้นต้นของธุรกิจยานยนตร์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมทุนที่เพิ่มขึ้น
ด้าน “นาวิน เสนาะดนตรี” รองผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด NEX กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง ซึ่งปัจจุบันโรงประกอบรถไฟฟ้ามีกำลังการผลิตสูงสุดที่ 9,000 คันต่อปี คาดว่าปี 66 จะสามารถส่งมอบรถไฟฟ้าทุกประเภท ทั้งรถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถตู้ไฟฟ้า, รถกระบะไฟฟ้า และรถโดยสารไฟฟ้า รวมไปถึงรถหัวลากไฟฟ้า  ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้รวมเติบโตแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างแน่นอน
ขณะที่ บล.บัวหลวง ระบุว่า ภายในเดือนก.ย. นี้ NEX กำหนดส่งมอบ EV bus ทั้งหมด 2,140 คัน และจะมีการขาย Bus ให้กลุ่มลูกค้าในนิคมฯ และกลุ่มรถทัวร์ได้อีก นอกจากนี้ NEX  เปิดแผนผลิตรถทั้งหมด 21 รุ่น  ทั้งในส่วนของรถกระบะ รถบรรทุกต่างๆ
โดยในระยะยาว บริษัทตั้งเป้ายอดขายจากรถบรรทุก 90% และขายรถกระบะปีละ 5 หมื่นคัน และยังมีแผนจะผลิตชิ้นส่วนสำคัญในไทยด้วย  สอดรับเงื่อนไขการจัดซื้อของรัฐ คาดกำไรของ NEX ปีนี้ จะโต 800% และพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง ยังคงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 22 บาท
NEX