บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า รอยเตอร์ได้รายงานว่า รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติแผนพัฒนาพลังงานฉบับที่ 8 หรือ PDP8 แล้ว โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับภูมิภาคอาเซียนและมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2573 โดยแผน PDP 8 จะมีการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าในประเทศเวียดนามให้ไม่น้อยกว่า 150 GW ภายในปี 2573
โดยกาลังผลิตไฟฟ้าหลักในปี 2573 จะแบ่งออกเป็น 1) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการลม (ทั้ง Onshore และ Offshore) 18.5% 2) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการแสงอาทิตย์ 8.5% 3) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการชีวมวล 1.5% 4) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการน้ำ 21.1% 5) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการถ่านหิน 20.0% 6) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการก๊าซธรรมชาติและ LNG 24.8% และ 7) กำลังผลิตไฟฟ้าที่นำ เข้าจากต่างประเทศ 3.3%
เบื้องต้นคาดกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะใช้เวลาอีกราว 2-3 เดือนเพื่อพิจารณารายละเอียดในการรับซ้อื ไฟฟ้าและผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแผน PDP 8 (เช่น การอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในทะเลเพื่อสร้างโครงการลมแบบ Offshore) ก่อนการประกาศรับซื้อไฟฟ้าอย่างเป็นทางการโดยคาดเกิดขึ้นในช่วงกลางครึ่งหลังของปี 2566 – ช่วงต้นครึ่งแรกของปี 2567 (ปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับโครงการที่จะได้รับการบรรจุเข้าไปในแผน PDP8) โดยคาดกำหนดการ COD ของโรงไฟฟ้าที่ได้รับการบรรจุในรอบดังกล่าวจะเริ่ม ขึ้นในปี 2568 เป็นต้นไป
ฝ่ายวิจัยหยวนต้า มองว่าประเด็นดังกล่าว จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการขยาย Portfolio การลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มโรงไฟฟ้า คาดผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงจากประเด็นดังกล่าวคือกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เคยพัฒนาโครงการในเวียดนามมาก่อน (โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นการลงทุนในโครงการลมและก๊าซธรรมชาติ) และมี Track Record ที่ดี เช่น BPP, BGRIM, GULF, GUNKUL, SSP และ SUPER เป็นต้น
โดยฝ่ายวิจัยให้ SSP เป็น Top Pick สำหรับการลงทุนในประเด็นดังกล่าวเนื่องจาก 1) เป็นหนึ่งในบริษัทที่สามารถพัฒนาและ COD โครงการลมได้ทันตามกำหนดการของ PDP ฉบับเดิม (Track Record ดี) และ 2) Portfolio ปัจจุบันของบริษัทฯ มีกำลังผลิตเพียง 232MWe (ไม่รวมกา ลังผลิตที่ได้รับจากการรับซื้อของ กกพ. อีก 170.5MW) น้อยกว่ากลุ่มฯ ทำให้ได้รับประโยชน์จากกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นชัดเจนกว่าผู้ประกอบการรายอื่น
โดยกาลังผลิตไฟฟ้าหลักในปี 2573 จะแบ่งออกเป็น 1) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการลม (ทั้ง Onshore และ Offshore) 18.5% 2) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการแสงอาทิตย์ 8.5% 3) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการชีวมวล 1.5% 4) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการน้ำ 21.1% 5) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการถ่านหิน 20.0% 6) กำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการก๊าซธรรมชาติและ LNG 24.8% และ 7) กำลังผลิตไฟฟ้าที่นำ เข้าจากต่างประเทศ 3.3%
เบื้องต้นคาดกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะใช้เวลาอีกราว 2-3 เดือนเพื่อพิจารณารายละเอียดในการรับซ้อื ไฟฟ้าและผ่านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแผน PDP 8 (เช่น การอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในทะเลเพื่อสร้างโครงการลมแบบ Offshore) ก่อนการประกาศรับซื้อไฟฟ้าอย่างเป็นทางการโดยคาดเกิดขึ้นในช่วงกลางครึ่งหลังของปี 2566 – ช่วงต้นครึ่งแรกของปี 2567 (ปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับโครงการที่จะได้รับการบรรจุเข้าไปในแผน PDP8) โดยคาดกำหนดการ COD ของโรงไฟฟ้าที่ได้รับการบรรจุในรอบดังกล่าวจะเริ่ม ขึ้นในปี 2568 เป็นต้นไป
ฝ่ายวิจัยหยวนต้า มองว่าประเด็นดังกล่าว จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการขยาย Portfolio การลงทุนในต่างประเทศของกลุ่มโรงไฟฟ้า คาดผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงจากประเด็นดังกล่าวคือกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เคยพัฒนาโครงการในเวียดนามมาก่อน (โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นการลงทุนในโครงการลมและก๊าซธรรมชาติ) และมี Track Record ที่ดี เช่น BPP, BGRIM, GULF, GUNKUL, SSP และ SUPER เป็นต้น
โดยฝ่ายวิจัยให้ SSP เป็น Top Pick สำหรับการลงทุนในประเด็นดังกล่าวเนื่องจาก 1) เป็นหนึ่งในบริษัทที่สามารถพัฒนาและ COD โครงการลมได้ทันตามกำหนดการของ PDP ฉบับเดิม (Track Record ดี) และ 2) Portfolio ปัจจุบันของบริษัทฯ มีกำลังผลิตเพียง 232MWe (ไม่รวมกา ลังผลิตที่ได้รับจากการรับซื้อของ กกพ. อีก 170.5MW) น้อยกว่ากลุ่มฯ ทำให้ได้รับประโยชน์จากกำลังผลิตที่เพิ่มขึ้นชัดเจนกว่าผู้ประกอบการรายอื่น