Wealth Sharing

GUNKUL แย้มผลงานQ2 ส่งสัญญาณสดใส ธุรกิจพลังงานทดแทน– EPC หนุนเต็มสูบ มั่นใจผลงานปีนี้โตทะลุเป้า 15%


24 พฤษภาคม 2566
บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ประเมินผลงานไตรมาส 2/66 เติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ 455.80 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติอยู่ที่ 513 ล้านบาท เติบโต 134% เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน  รับอานิสงส์จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC)  ฟากซีอีโอ “สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย” ระบุเดินหน้าลุยขยายธุรกิจพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงบุกธุรกิจ EPC เต็มพิกัด เพื่อผลักดันผลงานปีนี้เติบโตไม่น้อยกว่า 15% 
GUNKUL_SOM.jpg
ดร.สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)  (GUNKUL) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 ของกลุ่มบริษัทฯ เชื่อว่ารายได้และกำไรสุทธิจะยังคงเติบโตอยู่ในทิศทางบวกต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2566 (สิ้นสุด วันที่ 31 มีนาคม 2566) ที่มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ จำนวน 455.80 ล้านบาท   ขณะที่กำไรปกติอยู่ที่ 513 ล้านบาท เติบโต 134% เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อน 

ทั้งนี้เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน โดยเฉพาะโครงการพลังงานลมเนื่องจากสภาวะอากาศส่งผลให้พลังงานลมค่อนข้างดี  ทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานลมทั้ง 3 โครงการสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้สูง  รวมถึงรับรู้รายได้จากธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC)  ,  O&M  และรายได้จากการขายสินทรัพย์ตามสัญญาเช่าเงินทุนได้เพิ่มขึ้น

“ที่ผ่านมากลุ่มบริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจอย่างเข้มข้น รวมถึงได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งในส่วนของธุรกิจผลิต การจัดหาอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้า การจำหน่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม และโรงไฟฟ้าพลังงานลม รวมถึงธุรกิจงานรับเหมา และธุรกิจ EPC  จึงทำให้มั่นใจในศักยภาพการเติบโตและการขยายตัวของธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ในไตรมาส 2 ว่าน่าจะขยายตัวอยู่ในทิศทางบวกได้อย่างต่อเนื่อง”ดร.สมบูรณ์กล่าว 

อย่างไรก็ตามกลุ่มบริษัทฯ มีเป้าหมายสร้างการเติบโตของรายได้และกำไรในทุกกลุ่มธุรกิจทั้งธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับพลังงานและเทคโนโลยี ธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า ธุรกิจด้านการบริการก่อสร้างครบวงจร ดังนั้นจึงมั่นใจว่าผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ ปี 2566 จะเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้คือ ไม่ต่ำกว่า 15%   ซึ่งจะมาจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งใน และต่างประเทศ  อีกทั้งยังมีงาน EPC ในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ประมาณ 5,000 ล้านบาท”