เจ๊จิ๋ม..สายเถื่อน 25-05-23
25-05-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***สภานการณ์ตลาดหุ้นน่าจะยังเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ อ่ะ!!! ได้รับรู้เกี่ยวกับ TIMELINE การจัดตั้งรัฐบาลใหม่..ได้ยินว่า "การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่มีทางเร็วกว่า 11 ส.ค. 66" ก้อเลยหยิบเอาข้อมูลมาฝากค่ะ
***ไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่..มีรายละเอียดดังนี้
-เริ่มจาก กกต. จะต้องตรวจสอบข้อร้องเรียนต่างๆ ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จำนวน ส.ส. อยู่บ้าง แต่น่าจะเป็นส่วนน้อย เมื่อตรวจสอบและวินิจฉัยแล้ว
-ต่อมาจะประกาศรับรอง ส.ส. อย่างเป็นทางการ ภายใน 60 วัน นับจากวันเลือกตั้ง โดยต้องรับรอง ส.ส. ไม่น้อยกว่า 95% หรือ 475 คน เพื่อให้สามารถเปิดประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้
-หลังจากนั้นก็จะสามารถเปิดสมัยประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้ภายใน 24 ก.ค. 66 และ เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร์ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งไปด้วยเมื่อได้ตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร์แล้ว
-กระบวนการต่อไป ก็จะเป็นวาระสำคัญ คือการ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน รวม 750 คน ....หมายความว่าต้องได้ คะแนนเสียงสนับสนุน 376 คน ขึ้นไป
-เมื่อเลือก นายกรัฐมนตรีได้แล้ว ก็จะเป็นการจัดตั้ง ค.ร.ม. นำขึ้นทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฎิญาณ ก่อนเริ่มทำหน้าที่ ซึ่งเร็วสุด คือ 11 ส.ค. 66
***อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมรัฐบาลที่มีการลมมติข้อตกลง MOU ร่วมกันมีเพียง 313 เสียง รวม 8 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคก้าวไกล 152 เสียง, พรรคเพื่อไทย 141 เสียง, พรรค ประชาชาติ 9 เสียง, พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง, พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง, พรรคเพื่อไท รวมพลัง 2 เสียง, พรรคเป็นธรรม 1 เสียง และพรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง "ซึ่งขาดอีก 63 เสียง" ถึงจะมีคะแนนเสียงสนับสนุน ให้ Candidate จากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ได้
***ดังนั้นหากเวลาดำเนินไปจนถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว คะแนนเสียงสนับสนุน ไม่ถึง 376 เสียงจาก 750 เสียง ก็จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่สะดุด ทำให้รัฐบาลชุด เดิมรักษาการ ไปจนกว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทั้งนี้สมาชิกวุฒิสภา สว.) จะหมดอายุ ณ 11 พ.ค.67
***กูรูหุ้นบอกว่า..หากกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ล่าช้าออกไป ก็จะ เกิดภาวะสุญญากาศในการบริหารประเทศ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ประเด็น ดังกล่าวคาดทำให้ SET Index จะยังอยู่ในภาวะผันผวน โดยมองแนวรับ แรกที่ระดับ 1520 จุด และแนวรับถัดไปที่ระดับ 1507 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1537 และ 1545 จุดตามลำดับ
***สกัดข้อมูลจากนโยบายหลักของพรรคก้าวไกลในฐานะที่มีโอกาสเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แบ่งเป็น 2 ส่วน กลุ่มที่ 1 นโยบายที่จะผลักดัน 100 วันแรกของการเป็นรัฐบาล
-ประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
-ประชามติยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค
-ค่าไฟแฟร์ (ลดค่าไฟฟ้า)
-หลังคาสร้างรายได้ เปิดเสรี Solar Cell ประกันราคาซื้อ พลังงานสะอาดสำหรับครัวเรือน
-ลดค่าใช้จ่าย SME ในส่วนภาษี
-หวยใบเสร็จ
-ปรับค่าแรง 450 บาททันที
-เงินเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน ผู้สูงอายุ 3,000 บาท ตรวจ สุขภาพประจำปี (รัฐสวัสดิการ) เรามองอาจนำมาสู่นโยบาย เพิ่มภาษีด้านต่างๆ
-กำหนดเพดานก๊าซเรือนกระจก+เปิดตลาดแลกเปลี่ยน
-รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด+เพิ่มขนส่งสาธารณะ
***กลุ่มที่ 2 นโยบายอื่นๆ ที่ไม่รวมอยู่ในกลุ่มผลักดัน 100 วัน
- สุราก้าวหน้า
-ผลักดัน Soft Power
-การปรับโครงสร้างธุรกิจพลังงาน ราคาพลังงาน
-ลดอิทธิพลของกลุ่มทุนผูกขาด
***เซียนหุ้นให้ความเห็นว่านโยบายที่ผลักดันส่วนใหญ่ต้องได้รับความ เห็นชอบร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลที่ประกาศใน MOU อาทิ การ สนับสนุน SME การปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า ลดภาระประชาชน และ รัฐสวัสดิการ รวมถึงการปรับเพิ่มค่าแรง ส่วนวาระเฉพาะก้าวไกล คือ นโยบายหลังคาสร้างรายได้ และรถเมล์ไฟฟ้า เป็นบวกต่อหุ้นที่มีกลุ่มลูกค้า SME หรือได้ประโยชน์ความเจริญรากฐานเพิ่ม อาทิ BBL, ADVANC, CRC, SAWAD, GLOBAL, DOHOME, OSP, MC, TOA, ICHI, AEONTS, KBANK, TNP, KK
25-05-23 สวัสดีพี่น้องชาวไทย "เจ๊จิ๋ม" มารายงานตัว ณ ที่เก่าเวลาเดิม www.share2trade.com เปิดอ่านได้เลยเวลา 7.30 น.มีเรื่องเด็ดๆ โดนๆ มาเม้าท์กันให้สนั่นวงการลงทุนของพวกเรากันเถอะ
***สภานการณ์ตลาดหุ้นน่าจะยังเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ อ่ะ!!! ได้รับรู้เกี่ยวกับ TIMELINE การจัดตั้งรัฐบาลใหม่..ได้ยินว่า "การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่มีทางเร็วกว่า 11 ส.ค. 66" ก้อเลยหยิบเอาข้อมูลมาฝากค่ะ
***ไทม์ไลน์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่..มีรายละเอียดดังนี้
-เริ่มจาก กกต. จะต้องตรวจสอบข้อร้องเรียนต่างๆ ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง จำนวน ส.ส. อยู่บ้าง แต่น่าจะเป็นส่วนน้อย เมื่อตรวจสอบและวินิจฉัยแล้ว
-ต่อมาจะประกาศรับรอง ส.ส. อย่างเป็นทางการ ภายใน 60 วัน นับจากวันเลือกตั้ง โดยต้องรับรอง ส.ส. ไม่น้อยกว่า 95% หรือ 475 คน เพื่อให้สามารถเปิดประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้
-หลังจากนั้นก็จะสามารถเปิดสมัยประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้ภายใน 24 ก.ค. 66 และ เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร์ ซึ่งจะดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งไปด้วยเมื่อได้ตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร์แล้ว
-กระบวนการต่อไป ก็จะเป็นวาระสำคัญ คือการ โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยผู้ที่จะผ่านการคัดเลือกต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วย ส.ส. 500 คน และ ส.ว. 250 คน รวม 750 คน ....หมายความว่าต้องได้ คะแนนเสียงสนับสนุน 376 คน ขึ้นไป
-เมื่อเลือก นายกรัฐมนตรีได้แล้ว ก็จะเป็นการจัดตั้ง ค.ร.ม. นำขึ้นทูลเกล้าฯ และถวายสัตย์ปฎิญาณ ก่อนเริ่มทำหน้าที่ ซึ่งเร็วสุด คือ 11 ส.ค. 66
***อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมรัฐบาลที่มีการลมมติข้อตกลง MOU ร่วมกันมีเพียง 313 เสียง รวม 8 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคก้าวไกล 152 เสียง, พรรคเพื่อไทย 141 เสียง, พรรค ประชาชาติ 9 เสียง, พรรคไทยสร้างไทย 6 เสียง, พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง, พรรคเพื่อไท รวมพลัง 2 เสียง, พรรคเป็นธรรม 1 เสียง และพรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง "ซึ่งขาดอีก 63 เสียง" ถึงจะมีคะแนนเสียงสนับสนุน ให้ Candidate จากพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ได้
***ดังนั้นหากเวลาดำเนินไปจนถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีแล้ว คะแนนเสียงสนับสนุน ไม่ถึง 376 เสียงจาก 750 เสียง ก็จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่สะดุด ทำให้รัฐบาลชุด เดิมรักษาการ ไปจนกว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ทั้งนี้สมาชิกวุฒิสภา สว.) จะหมดอายุ ณ 11 พ.ค.67
***กูรูหุ้นบอกว่า..หากกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ล่าช้าออกไป ก็จะ เกิดภาวะสุญญากาศในการบริหารประเทศ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐกิจ ประเด็น ดังกล่าวคาดทำให้ SET Index จะยังอยู่ในภาวะผันผวน โดยมองแนวรับ แรกที่ระดับ 1520 จุด และแนวรับถัดไปที่ระดับ 1507 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1537 และ 1545 จุดตามลำดับ
***สกัดข้อมูลจากนโยบายหลักของพรรคก้าวไกลในฐานะที่มีโอกาสเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แบ่งเป็น 2 ส่วน กลุ่มที่ 1 นโยบายที่จะผลักดัน 100 วันแรกของการเป็นรัฐบาล
-ประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
-ประชามติยกเลิกราชการส่วนภูมิภาค
-ค่าไฟแฟร์ (ลดค่าไฟฟ้า)
-หลังคาสร้างรายได้ เปิดเสรี Solar Cell ประกันราคาซื้อ พลังงานสะอาดสำหรับครัวเรือน
-ลดค่าใช้จ่าย SME ในส่วนภาษี
-หวยใบเสร็จ
-ปรับค่าแรง 450 บาททันที
-เงินเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน ผู้สูงอายุ 3,000 บาท ตรวจ สุขภาพประจำปี (รัฐสวัสดิการ) เรามองอาจนำมาสู่นโยบาย เพิ่มภาษีด้านต่างๆ
-กำหนดเพดานก๊าซเรือนกระจก+เปิดตลาดแลกเปลี่ยน
-รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด+เพิ่มขนส่งสาธารณะ
***กลุ่มที่ 2 นโยบายอื่นๆ ที่ไม่รวมอยู่ในกลุ่มผลักดัน 100 วัน
- สุราก้าวหน้า
-ผลักดัน Soft Power
-การปรับโครงสร้างธุรกิจพลังงาน ราคาพลังงาน
-ลดอิทธิพลของกลุ่มทุนผูกขาด
***เซียนหุ้นให้ความเห็นว่านโยบายที่ผลักดันส่วนใหญ่ต้องได้รับความ เห็นชอบร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลที่ประกาศใน MOU อาทิ การ สนับสนุน SME การปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้า ลดภาระประชาชน และ รัฐสวัสดิการ รวมถึงการปรับเพิ่มค่าแรง ส่วนวาระเฉพาะก้าวไกล คือ นโยบายหลังคาสร้างรายได้ และรถเมล์ไฟฟ้า เป็นบวกต่อหุ้นที่มีกลุ่มลูกค้า SME หรือได้ประโยชน์ความเจริญรากฐานเพิ่ม อาทิ BBL, ADVANC, CRC, SAWAD, GLOBAL, DOHOME, OSP, MC, TOA, ICHI, AEONTS, KBANK, TNP, KK