จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : ค่าระวางเรือผ่านจุดต่ำสุด-รายได้บริษัทลูก ผลักดันผลงาน LEO โตก้าวกระโดด
25 พฤษภาคม 2566
LEO เดินหน้ารับรู้รายได้ธุรกิจใหม่ตั้งแต่ไตรมาส 2 ส่งสัญญาณรายได้กำไร โตก้าวกระโดด หลังค่าระวางเรือ การส่งออกและนำเข้าผ่านจุดต่ำสุดไตรมาสแรก
เศรษฐกิจโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด19 กระตุ้นการส่งออกและการขนส่งสินค้าให้เติบโตมากขึ้น ซึ่งบริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO ก็ได้รับผลดีเช่นกัน โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO “เกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์” ระบุว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 บริษัทมีฯ อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 33% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 4/2565 และ ไตรมาส 1/2565 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 26%และ15% ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯยังคงมีความสามารถและประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะยังคงรักษาระดับการทำกำไรขั้นต้น และผลประกอบการให้เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าอัตราค่าระวางและตัวเลขการนำเข้าและส่งออกของประเทศไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงไตรมาสที่1/2566ที่ผ่านมา และบริษัทได้เริ่มเห็นการปรับตัวขึ้นของค่าระวาง และการเติบโตของตัวเลขการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปลายเดือนเมษายน
และบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการขนส่งสินค้าทางราง และ การจัดหาและขายสินค้าผลไม้ไปยังประเทศจีนผ่านบริษัท ลีโอ ซอร์สซิ่ง แอนด์ ซัพพลายเชน จำกัด(LSSC) รวมถึงรับรู้รายได้ และกำไรจากโครงการ JVและM&Aใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี2566 นับตั้งแต่ไตรมาส 2และ 3 เป็นต้นไป เพื่อสร้างการเติบโตทางรายได้และผลประกอบการของธุรกิจให้แข็งแกร่งและเติบโตต่อเนื่อง
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 12พฤษภาคม2566 ที่ผ่านมา คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในโครงการ Intelligent Cold Chain Logistics Center ที่ท่าเรือสหไทย (Sahathai TerminalหรือPORT )โดยมูลค่าการลงทุนรวม 232 ล้านบาท ประกอบด้วยค่าเช่าทรัพย์สินตลอดอายุสัญญารวม 72 ล้านบาท และเงินลงทุนในการพัฒนาโครงการจำนวน 160 ล้านบาท การลงทุนของLEOในโครงการIntelligent Cold Chain Logistics Centerที่ท่าเรือสหไทย เป็นการพัฒนาและต่อยอดในการขยายธุรกิจCold Chain WarehouseและIntegrated Logistics Servicesของบริษัทฯ
ซึ่งจุดเด่นของ Intelligent Cold Chain Logistics Center แห่งนี้ คือที่ตั้งของโครงการได้รับการอนุมัติจากทางกรมศุลกากรให้เป็นคลังสินค้าทัณฑ์บน(Bonded Warehouse)ทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ในเรื่องภาษีนำเข้าของการใช้คลังสินค้าทัณฑ์บนทุกประการ และยังเป็นBonded Cold Chain Logistics Centerที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณ CBD ของกรุงเทพมหานครมากที่สุด จึงจะเป็นจุดแข็งที่สำคัญของโครงการนี้ในการให้บริการกับผู้นำเข้าสินค้าที่เป็นสินค้าแช่แข็งและควบคุมอุณหภูมิทุกประเภท ในการนำเข้าสินค้ามาเพื่อจัดเก็บและกระจายสินค้าให้กับซุปเปอร์มาร์เก็ตโรงแรม และร้านอาหารต่างๆในกรุงเทพและปริมณฑล
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีโครงการJVกับ บริษัท เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท จำกัด และ บริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ จำกัด ที่เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการของทางการรถไฟจีนในการทำการตลาดการขนส่งทางรางไทย-จีนภายใต้ บริษัท LaneXang Express Company Limitedและธุรกิจอื่นๆ ที่จะทยอยเกิดขึ้นในปี2566นี้ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทั้งในด้านธุรกิจและรายได้อย่างก้าวกระโดดในอีก 2-3ปีข้างหน้า