ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองเงินบาทปีนี้ผันผวนแตะอันดับ 2 ของเอเชีย จับตา การเมืองไทย ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ เศรษฐกิจจีน ระยะสั้นคาดอยู่ในกรอบ 33.80-35.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า นับจากช่วงต้นปี 2566 เงินบาทแกว่งตัวในกรอบกว้างท่ามกลางความไม่แน่นอนของ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ มุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยเฟด (ซึ่งมีผลต่อค่าเงินดอลลาร์ฯ) สถานการณ์ค่าเงินหยวนและเศรษฐกิจจีน และปัจจัยการเมืองของไทยที่เป็นประเด็นเพิ่มเติมเข้ามาในช่วงเดือน พฤษภาคม 2566 โดยแม้การเคลื่อนไหวของเงินบาทจะเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มกับสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย แต่หากมองในมิติของความผันผวน คงต้องยอมรับว่า เงินบาทในปีนี้มีความผันผวนค่อนข้างมาก และเป็นสกุลเงินที่มีค่าความผันผวนสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทนั้น คาดว่า เงินบาทจะยังคงเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบกว้าง โดยอาจปรับตัวอยู่ในช่วงประมาณ 33.80-35.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระยะสั้น เนื่องจากยังมีหลายตัวแปรที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯ ทิศทางดอกเบี้ยเฟด และสถานการณ์การเมืองไทย
ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ปัจจัยที่อาจมีน้ำหนักมากขึ้นน่าจะเป็นเรื่องทิศทางของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งหากสามารถประคองการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ก็จะช่วยเพิ่มแรงหนุนต่อภาพรวมเศรษฐกิจและดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของค่าเงินบาท
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า นับจากช่วงต้นปี 2566 เงินบาทแกว่งตัวในกรอบกว้างท่ามกลางความไม่แน่นอนของ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ มุมมองต่อทิศทางดอกเบี้ยเฟด (ซึ่งมีผลต่อค่าเงินดอลลาร์ฯ) สถานการณ์ค่าเงินหยวนและเศรษฐกิจจีน และปัจจัยการเมืองของไทยที่เป็นประเด็นเพิ่มเติมเข้ามาในช่วงเดือน พฤษภาคม 2566 โดยแม้การเคลื่อนไหวของเงินบาทจะเคลื่อนไหวเกาะกลุ่มกับสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย แต่หากมองในมิติของความผันผวน คงต้องยอมรับว่า เงินบาทในปีนี้มีความผันผวนค่อนข้างมาก และเป็นสกุลเงินที่มีค่าความผันผวนสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย
สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาทนั้น คาดว่า เงินบาทจะยังคงเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบกว้าง โดยอาจปรับตัวอยู่ในช่วงประมาณ 33.80-35.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระยะสั้น เนื่องจากยังมีหลายตัวแปรที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องเพดานหนี้สหรัฐฯ ทิศทางดอกเบี้ยเฟด และสถานการณ์การเมืองไทย
ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ปัจจัยที่อาจมีน้ำหนักมากขึ้นน่าจะเป็นเรื่องทิศทางของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งหากสามารถประคองการฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง ก็จะช่วยเพิ่มแรงหนุนต่อภาพรวมเศรษฐกิจและดุลบัญชีเดินสะพัด ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของค่าเงินบาท