บริษัท อินฟอร์มชั่น แอนด์ คอมมิวนิเคชั่น เน็ทเวิร์คส จำกัด (มหาชน) (ICN) เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกับ บริษัท ซิลเวอร์เลค ชิมเมทรี่ (สิงคโปร์) พีทีอี.แอลทีดี. และบริษัท ซิลเวอร์เลค สตรัคเจอร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด ในนามกลุ่มร่วมทำงาน เอสเอสไอ (Consortium) ได้ลงนามสัญญาจ้างเลขที่ สญ.ธก.660001 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 สำหรับโครงการจ้างผู้ให้บริการพัฒนาระบบงานหลัก Core Banking (Deposit Loan และ API) กับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(EXIM BANK) โดยมีมูลค่างานรวมของโครงการ 447.33 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
โดยบริษัทเป็นผู้นำกลุ่ม (Lead Firm) มีสัดส่วนการดำเนินโครงการร้อยละ 55.71 ของมูลค่าโครงการ เป็นมูลค่า 249.21 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายใน 600 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามสัญญา และรับประกัน 1 ปี
อนึ่งธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจและเป็นธนาคารชั้นนำของภาครัฐ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กรค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทย โดยโครงการดำเนินการติดตั้งระบบสถาปัตยกรรมพื้นฐาน และระบU API Integration Layer เข้ามาพัฒนาประยุกตใช้เพื่อเป็นช่องทางการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบทั้งภายในและภายนอกธนาคาร เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงระหว่างความต้องการของลูกค้าสู่บริการของธนาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด
อีกทั้งสามารถต่อยอดนวัตกรรมทางดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถด้านธุรกิจในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของธนาคารพร้อมทั้งมีความยืดหยุ่นและง่ายต่อการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจหรือเศรษฐกิจในประเทศไทยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้นักลงทุนได้ทราบถึงการดำเนินงานของบริษัทอย่างทั่วถึง จึงเห็นสมควรเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยบริษัทเป็นผู้นำกลุ่ม (Lead Firm) มีสัดส่วนการดำเนินโครงการร้อยละ 55.71 ของมูลค่าโครงการ เป็นมูลค่า 249.21 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินงานให้แล้วเสร็จภายใน 600 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามสัญญา และรับประกัน 1 ปี
อนึ่งธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจและเป็นธนาคารชั้นนำของภาครัฐ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กรค้าและการลงทุนระหว่างประเทศของไทย โดยโครงการดำเนินการติดตั้งระบบสถาปัตยกรรมพื้นฐาน และระบU API Integration Layer เข้ามาพัฒนาประยุกตใช้เพื่อเป็นช่องทางการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบทั้งภายในและภายนอกธนาคาร เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงระหว่างความต้องการของลูกค้าสู่บริการของธนาคารได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด
อีกทั้งสามารถต่อยอดนวัตกรรมทางดิจิทัล เพิ่มขีดความสามารถด้านธุรกิจในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของธนาคารพร้อมทั้งมีความยืดหยุ่นและง่ายต่อการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการของภาคธุรกิจหรือเศรษฐกิจในประเทศไทยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเพื่อให้นักลงทุนได้ทราบถึงการดำเนินงานของบริษัทอย่างทั่วถึง จึงเห็นสมควรเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวผ่านทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย