จับประเด็นหุ้นเด่น
รายงานพิเศษ : “ก่อสร้างรัฐ-เอกชน-อุปโภคบริโภค” โตเด่น หนุน ผลงาน MENA ปี 66 New high
07 มิถุนายน 2566
การก่อสร้างภาครัฐและเอกชน และการร่วมมือกับบริษัท ตะวันแดง โลจีสติกส์ (TWD) ให้บริการงานขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลดีต่อบริษัทมีนาทรานสปอร์ต (MENA) หนุนกำไรปีนี้ New high
SCB EIC วิเคราะห์มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐ ปี 2566มีแนวโน้มขยายตัว +3% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน แตะระดับ 817,000 ล้านบาทจากโครงการเมกะโปรเจกต์ที่มีการก่อสร้างต่อเนื่องจากในอดีตมีความคืบหน้า รวมถึงยังมีการประมูล และก่อสร้างโครงการใหม่ ๆ อีกทั้ง งบลงทุนในงบประมาณประจำปี 2566เพิ่มขึ้น +6%เมื่อเทียบกับปีก่อน และอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2566ถึง ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2566 ยังสูงกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยท้าทายด้านความล่าช้าในการอนุมัติโครงการก่อสร้างภาครัฐใหม่ ๆ จากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง รวมถึงการจัดทำงบประมาณประจำปี 2567ที่อาจล่าช้าออกไปหลังไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และอาจมีผลต่อเนื่องไปยังการเริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างภาครัฐในปี 2567
ขณะที่มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว มาอยู่ที่586,000ล้านบาท(+3%YOY)โดยเป็นการขยายตัวของมูลค่าการก่อสร้างที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ได้แก่ อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก รวมถึงการRenovateพื้นที่ค้าปลีก และโรงแรม เพื่อรองรับการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ
การก่อสร้างที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และการอุปโภคบริโภคที่ขยายตัว ล้วนส่งผลดีต่อ บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) (MENA) ที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง และล่าสุดได้ร่วมมือบริษัท ตะวันแดง โลจีสติกส์ จำกัด (TWD) ตั้งบริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ในการให้บริการงานขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าในเครือทั่วประเทศ ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืน
สะท้อนจากผลการดำเนินงานไตรมาส1/66 ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ15.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 73% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 8.8 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 194.9 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 158.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23%
“สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิไตรมาสแรกของบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัว ทั้งจากโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ รวมถึงยังได้รับปัจจัยบวกจากการร่วมมือบริษัท ตะวันแดง โลจีสติกส์ จำกัด (TWD) ตั้งบริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) เพื่อเปิดเส้นทางให้บริการงานขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าในเครือทั่วประเทศ ซึ่งบริษัทฯ จะรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานทุกๆ ปี ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ ทรีนีตี้จำกัด วิเคราะห์หุ้น MENA ระบุว่า กำไร 1Q66 ยังโตดีคาดไตรมาส 2 โตต่อจากการร่วมทุน กับบริษัทตะวันแดง โลจีสติกส์ จึงคงคําแนะนํา “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 3 บาทต่อหุ้น (อิง PE 30 เท่า หรือ PEG ที่ 0.85 เท่า ) และประเมินการเติบโตของกำไรในปี 2566-67 จะมี CAGR กว่า 35% และมีโอกาสในการทำ M&A
ส่วน ปี 2566 คาดบริษัททำกำไร New high โดยธุรกิจหลักรถโม่ยังโดดเด่น โดยบริษัทคาดว่าจะเติบโตตลอดทั้งปี จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง นอกจากนี้บริษัทได้เพิ่มกองรถอีก 100 คัน และรับรู้ส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมทุน TDM โดยคาดว่ากำไรปี2566 อยู่ที่ 76 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 38%
SCB EIC วิเคราะห์มูลค่าการก่อสร้างภาครัฐ ปี 2566มีแนวโน้มขยายตัว +3% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน แตะระดับ 817,000 ล้านบาทจากโครงการเมกะโปรเจกต์ที่มีการก่อสร้างต่อเนื่องจากในอดีตมีความคืบหน้า รวมถึงยังมีการประมูล และก่อสร้างโครงการใหม่ ๆ อีกทั้ง งบลงทุนในงบประมาณประจำปี 2566เพิ่มขึ้น +6%เมื่อเทียบกับปีก่อน และอัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2566ถึง ณ สิ้นเดือน มี.ค. 2566 ยังสูงกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยท้าทายด้านความล่าช้าในการอนุมัติโครงการก่อสร้างภาครัฐใหม่ ๆ จากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่หลังการเลือกตั้ง รวมถึงการจัดทำงบประมาณประจำปี 2567ที่อาจล่าช้าออกไปหลังไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และอาจมีผลต่อเนื่องไปยังการเริ่มดำเนินโครงการก่อสร้างภาครัฐในปี 2567
ขณะที่มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชนในปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว มาอยู่ที่586,000ล้านบาท(+3%YOY)โดยเป็นการขยายตัวของมูลค่าการก่อสร้างที่อยู่อาศัย อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ได้แก่ อาคารสำนักงาน และพื้นที่ค้าปลีก รวมถึงการRenovateพื้นที่ค้าปลีก และโรงแรม เพื่อรองรับการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ
การก่อสร้างที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในปีนี้ และการอุปโภคบริโภคที่ขยายตัว ล้วนส่งผลดีต่อ บริษัท มีนาทรานสปอร์ต จำกัด (มหาชน) (MENA) ที่ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยรถลากจูงหรือรถเทรลเลอร์ (Trailer) ให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถผสมคอนกรีตหรือรถมิกเซอร์ (Mixer) และการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ และเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้าง และล่าสุดได้ร่วมมือบริษัท ตะวันแดง โลจีสติกส์ จำกัด (TWD) ตั้งบริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) ในการให้บริการงานขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าในเครือทั่วประเทศ ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตของรายได้อย่างยั่งยืน
สะท้อนจากผลการดำเนินงานไตรมาส1/66 ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ15.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 73% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 8.8 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 194.9 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 158.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23%
“สุวรรณา ขจรวุฒิเดช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้กำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิไตรมาสแรกของบริษัทฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากธุรกิจโลจิสติกส์ปีนี้ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุตสาหกรรมก่อสร้างมีแนวโน้มที่ดี โดยเฉพาะธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกซ์เซอร์มีโอกาสเติบโตสูงจากอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัว ทั้งจากโครงการเมกะโปรเจคต่างๆ รวมถึงยังได้รับปัจจัยบวกจากการร่วมมือบริษัท ตะวันแดง โลจีสติกส์ จำกัด (TWD) ตั้งบริษัท ทีดี เอ็ม ลอจิสติกส์ จำกัด (TDM) เพื่อเปิดเส้นทางให้บริการงานขนส่งกระจายสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าในเครือทั่วประเทศ ซึ่งบริษัทฯ จะรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานทุกๆ ปี ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ ทรีนีตี้จำกัด วิเคราะห์หุ้น MENA ระบุว่า กำไร 1Q66 ยังโตดีคาดไตรมาส 2 โตต่อจากการร่วมทุน กับบริษัทตะวันแดง โลจีสติกส์ จึงคงคําแนะนํา “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 3 บาทต่อหุ้น (อิง PE 30 เท่า หรือ PEG ที่ 0.85 เท่า ) และประเมินการเติบโตของกำไรในปี 2566-67 จะมี CAGR กว่า 35% และมีโอกาสในการทำ M&A
ส่วน ปี 2566 คาดบริษัททำกำไร New high โดยธุรกิจหลักรถโม่ยังโดดเด่น โดยบริษัทคาดว่าจะเติบโตตลอดทั้งปี จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมก่อสร้าง นอกจากนี้บริษัทได้เพิ่มกองรถอีก 100 คัน และรับรู้ส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทร่วมทุน TDM โดยคาดว่ากำไรปี2566 อยู่ที่ 76 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 38%